วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ระบบเลขฐานและตรรกศาสตร์

บทที่ 2 : ระบบเลขจำนวน

คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องจักรที่กลไกการทำงานพื้นฐานเป็นสองสถานะ (Binary) คือเปิดวงจรกับปิดวงจร ซึ่งสามารถแทนสถานะดังกล่าวได้ด้วยตัวเลขโดดสองตัวคือ 0 กับ 1 ข้อมูลแบบอื่นของคอมพิวเตอร์จะเกิดจากการประกอบรวมกันของเลข 0 กับ 1 เท่านั้น เราเรียกระบบเลขจำนวนที่ประกอบด้วยตัวเลข 0 กับ 1 เท่านั้นว่า “เลขฐาน 2”
ส่วนการนับของมนุษย์โดยปกตินั้น เราจะมีตัวเลขโดดอยู่สิบตัวคือ 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, และ 9 ซึ่งจะประกอบรวมกันเป็นระบบเลขจำนวนที่เรียกกันว่า “เลขฐาน 10” จะเห็นว่าระบบเลขจำนวนที่ใช้ในคอมพิวเตอร์มีความแตกต่างจากระบบเลขจำนวนที่มนุษย์ใช้กันโดยปกติ ดังนั้นเราจะต้องเรียนรู้ถึงทักษะในการคำนวณของระบบเลขจำนวนทั้งสองแบบรวมถึงวิธีการเปลี่ยนระบบเลขจำนวนไปมา

2.1 ความหมายของตัวเลขในหลักต่าง ๆ
ในระบบเลขฐานสิบนั้น ค่าของเลขโดด ณ ตำแหน่งใด ก็คือค่าของเลขโดดนั้นคูณด้วยสิบยกกำลังของตำแหน่งนั้น เช่น 12345 หมายความว่า ค่า 5 อยู่ในตำแหน่งหลักหน่วยซึ่งค่าของสิบยกกำลังของหลักหน่วยคือ 100 ค่า 4 อยู่ในตำแหน่งของหลักสิบ (101) ค่า 3 อยู่ในตำแหน่งของหลักร้อย (102) ค่า 2 อยู่ในตำแหน่งของหลักพัน (103) และค่า 1 อยู่ในตำแหน่งของหลักหมื่น (104) ซึ่ง 12345 สามารถเขียนอยู่ในรูปผลบวกทางคณิตศาสตร์ได้ดังนี้
12345 = (1 x 104) + (2 x 103) + (3 x 102) + (4 x 101) + (5 x 100)
= 10000 + 2000 + 300 + 40 + 5
จะเห็นว่าเลขกำลังของสิบจะเริ่มต้นจากศูนย์ที่หลักหน่วย แล้วเพิ่มขึ้นหนึ่งทุกครั้งในหลักถัดมาทางด้านซ้ายมือ ในกรณีที่เลขเป็นจำนวนทศนิยม ให้เริ่มกำลังศูนย์ที่หลักหน่วย แล้วลดกำลังลงหนึ่งทุกครั้งในหลักถัดไปทางด้านขวามือ ส่วนทางด้านซ้ายมือก็จะเป็นไปในรูปแบบเดิม เช่น 12.34 จะสามารถเขียนได้เป็น
12.34 = (1 x 101) + (2 x 100) + (3 x 10-1) + (4 x 10-2)
= 10 + 2 + 0.3 + 0.04
เราสามารถใช้หลักการเดียวกันนี้กับเลขฐานสองเพื่อหาค่าของจำนวนดังกล่าวในรูปของเลขฐานสิบ (ในความเป็นจริงแล้วสามารถที่จะนำไปใช้ได้กับเลขทุกฐาน) เช่น 1011.012 จะเขียนได้เป็น
1011.012 = (1 x 23) + (0 x 22) + (1 x 21) + (1 x 20) + (0 x 2-1) + (1 x 2-2)
= 8 + 0 + 2 + 1 + 0 + 0.25
= 11.25

2.2 การแปลงค่าจากเลขฐานสิบเป็นเลขฐานสอง
การแปลงเลขฐานสิบเป็นฐานสองจะมีขั้นตอนอยู่สองขั้นตอนคือ การแปลงเลขส่วนที่อยู่หน้าทศนิยมและการแปลงเลขส่วนที่อยู่หลังทศนิยม
การแปลงเลขในส่วนที่อยู่หน้าทศนิยม ให้นำเลขดังกล่าวมาหารด้วยสองไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นศูนย์ โดยการหารแต่ละครั้งจะได้เศษเป็น 0 หรือ 1 ลำดับของเศษที่เกิดขึ้นก็คือกำลังของเลขสอง กล่าวคือ เศษที่ได้จากการหารครั้งแรกจะเป็นเลขในหลัก 20, เศษที่เกิดจากการหารครั้งที่สองจะเป็นเลขในหลัก 21 เรื่อยไป




ตัวอย่าง จงเปลี่ยนค่า 1310 ให้เป็นเลขฐานสอง

2  13
6 เศษ 1
3 เศษ 0
1 เศษ 1
0 เศษ 1

 1310 = 11012

ส่วนการแปลงเลขหลังจุดทศนิยมนั้น จะใช้วิธีคูณตัวเลขนั้นด้วยสองไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีเลขหลังจุดทศนิยมเป็นศูนย์ ซึ่งในการคูณแต่ละครั้งอาจจะมีการทดค่าหลังจุดทศนิยมขึ้นมาเป็นตัวเลข 1 หน้าจุดทศนิยมหรือไม่ก็ได้ ในการคูณแต่ละครั้งก็เท่ากับว่าเราเลื่อนการคำนวณจากหลักแรกหลังจุดทศนิยม (2-1) ไปยังหลักต่อไป

ตัวอย่าง จงเปลี่ยนค่า 0.2510 ให้เป็นเลขฐานสอง
0.25
x 2
0.50
x 2
1.00


.01
 0.2510 = 0.012

ดังนั้นจากตัวอย่างข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า 13.2510 = 1101.012

2.3 การบวกและการลบเลขฐานสอง
การบวกเลขฐานสองมีหลักการเหมือนกับการบวกเลขฐานสิบ การบวกเลขในฐานสิบนั้นเมื่อผลบวกในหลักใดมีค่ามากกว่า 9 ก็จะต้องมีการทดเลข 1 ไปยังหลักถัดไป ซึ่งหลักเกณฑ์การทดเลขนี้ยังสามารถใช้ได้กับเลขฐานสอง เพียงแต่ว่าเลขโดดที่สูงที่สุดของเลขฐานสองคือ 1 ดังนั้นถ้าผลบวกมีค่าเกิน 1 ก็จะมีการทดไปยังหลักถัดไปทางซ้าย รูปแบบการบวกเป็นดังนี้

0 + 0 = 0
0 + 1 = 1
1 + 0 = 1
1 + 1 = 0 ทด 1

ตัวอย่าง จงบวกเลข 1011.1012 กับ 110.0112

1 0 1 1 . 1 0 1
+ 1 1 0 . 0 1 1
1 0 0 1 0 . 0 0 0

การลบเลขเป็นการดำเนินการที่ผกผันกับการบวก ในการลบ ถ้ามีการลบเลขที่มากกว่าจากเลขที่น้อยกว่า ต้องมีการขอยืมจากเลขในหลักถัดไปทางซ้ายมา 1 รูปแบบการลบเป็นดังนี้

0 - 0 = 0
0 - 1 = 1 ขอยืม 1
1 - 0 = 1
1 - 1 = 0

ตัวอย่าง จงลบเลข 1001.11 กับ 101.1

1 0 0 1 . 1 1
- 1 0 1 . 1 0
1 0 0 . 0 1

2.4 การคูณและการหารเลขฐานสอง
การคูณและการหารของเลขฐานสอง ก็มีหลักการเช่นเดียวกับเลขฐานสิบ เพียงแต่มีสูตรคูณแค่แม่ 0 กับ 1 เท่านั้น อีกทั้งการหารด้วยศูนย์ก็ไม่มีความหมายเช่นเดียวกับการหารในระบบเลขฐานสิบ ตารางการคูณและการหารของระบบเลขฐานสองคือ
0 x 0 = 0
0 x 1 = 0
1 x 0 = 0
1 x 1 = 1
0  1 = 0
1  1 = 1

ตัวอย่าง จงคูณเลขฐานสอง 1.01 x 10.1
1 . 0 1
x 1 0 . 1 0
1 0 1
0 0 0
1 0 1
1 1 . 0 0 1
จงหารเลขฐานสอง 11001  101
101
101  11001
101
101
101

2.5 เลขฐานแปดและเลขฐานสิบหก
ถึงแม้ว่าระบบคอมพิวเตอร์จะเข้าใจแต่ระบบเลขฐานสองเพียงอย่างเดียว แต่ในทางปฏิบัติจะเกิดปัญหากับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก เนื่องจากระบบเลขฐานสองมีจำนวนเลขโดดน้อยจึงต้องมีจำนวนหลักมากขึ้นเพื่อแทนค่าตัวเลขต่าง ๆ ทำให้จดจำได้ยาก จึงมีความพยายามในการรวมหลักของเลขฐานสองหลาย ๆ หลักเข้าด้วยกันเป็นเลขฐานที่ใหญ่ขึ้น เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ ซึ่งการแปลงเลขฐานที่ได้นี้กลับเป็นเลขฐานสองจะทำได้อย่างง่ายดายเนื่องจากแต่ละหลักของเลขฐานดังกล่าวแทนเลขฐานสองที่มีจำนวนหลักแน่นอน
โดยปกติแล้วเรามักจะรวมเลขฐานสองจำนวนสามหรือสี่หลักเป็นเลขฐานใหม่ เมื่อเรารวมเลขฐานสอง 3 หลักจะได้เลขที่มี 8 รูปแบบแตกต่างกันคือ 000, 001, 010, 011, 100, 101, 110, และ 111 ซึ่งเราสามารถใช้ตัวเลขโดด 0 ถึง 7 แทนเลขฐานสองในแต่ละแบบได้ ซึ่งระบบเลขจำนวนที่มีตัวเลขโดด 8 ตัวก็คือเลขฐานแปดนั่นเอง โดยที่เลขโดดแต่ละเลขของระบบเลขฐานแปดจะแทนรูปแบบของเลขฐานสองจำนวนสามหลักที่มีค่าเท่ากัน
ในทำนองเดียวกัน ถ้าเรามีเลขฐานสองจำนวนสี่หลัก ก็จะได้เลขฐานสองที่มี 16 รูปแบบแตกต่างกัน ซึ่งสามารถใช้เลขฐานสิบหกแทนแต่ละรูปแบบของเลขฐานสองได้ แต่เนื่องจากเรามีเลขโดดใช้งานกันแค่สิบตัว ดังนั้นจึงมีการนำตัว A – F มาแทนค่าเลขโดดที่มีค่า 10 – 15 แทน ทำให้เลขฐานสิบหกมีเลขโดดคือ 0 – 9 และ A – F
เลขฐานสิบ เลขฐานสอง เลขฐานแปด เลขฐานสิบหกๆ
0 0000 0 0
1 0001 1 1
2 0010 2 2
3 0011 3 3
4 0100 4 4
5 0101 5 5
6 0110 6 6
7 0111 7 7
8 1000 10 8
9 1001 11 9
10 1010 12 A
11 1011 13 B
12 1100 14 C
13 1101 15 D
14 1110 16 E
15 1111 17 F
ในการแปลงเลขฐานสองให้เป็นเลขฐานแปดหรือฐานสิบหกนั้น เราจะต้องจับกลุ่มเลขฐานสองให้ได้จำนวนหลักตามที่เลขโดดของฐานที่เราจะแปลงไป เช่น จับกลุ่มสามหลักสำหรับการแปลงเป็นฐานแปด เป็นต้น การจับกลุ่มจะเริ่มจับจากหลักทางด้านขวามือสุดก่อน ในกรณีที่เหลือเลขไม่ครบจำนวนหลักที่ต้องการให้เติมศูนย์ไปทางด้านซ้ายมือเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้จำนวนหลักที่ต้องใช้ จากนั้นจึงแปลงฐานเลขโดยแปลงทีละกลุ่มก็จะได้เลขฐานแปดหรือฐานสิบหกตามต้องการ

ตัวอย่าง จงแปลงเลขฐานสอง 1011011 ให้เป็นเลขฐานแปดและฐานสิบหก

แปลงเป็นเลขฐานแปด แปลงเป็นเลขฐานสิบหก

001 011 011 0101 1011

1 3 3 5 B

 10110112 = 1138 = 5B16

2.6 บิต, ไบต์, เวิร์ด และนิบเบิล
ข้อมูลต่าง ๆ ในระบบคอมพิวเตอร์มักจะไม่ได้มาจากเลขฐานสองเพียงแค่หลักเดียว เพื่อความสะดวกในการเรียกและความกระทัดรัดของจำนวนที่จะต้องใช้เรียก (คงไม่สะดวกนักถ้าต้องมีการเรียกกันว่า เลขฐานสอง 32 หลัก) ดังนั้นจึงได้มีการตั้งชื่อเฉพาะเรียกกลุ่มของเลขฐานสองที่มีจำนวนหลักตั้งแต่หนึ่งหลักขึ้น โดยชื่อต่าง ๆ มีดังนี้

เลขฐานสองหนึ่งหลักเรียก หนึ่ง“บิต” (bit)
4 บิต เท่ากับ หนึ่ง“นิบเบิล” (nibble) [ไม่ค่อยนิยมใช้กันนัก]
2 นิบเบิล เท่ากับ หนึ่ง“ไบต์” (byte)
2 ไบต์ เท่ากับ หนึ่ง“เวิร์ด” (word)
2 เวิร์ด เท่ากับ หนึ่ง“ดับเบิ้ลเวิร์ด” (double word)

2.7 ระบบเลข 2’ Complement
การคำนวณเลขฐานสองที่เราคุ้นเคยกัน มักจะเป็นเลขฐานสองที่มีค่าเป็นบวกอยู่เสมอ แต่ในความเป็นจริงเรามีการใช้งานจำนวนทั้งที่เป็นบวกและลบ ดังนั้นระบบคอมพิวเตอร์จึงต้องมีกลไกบางอย่างเพื่อระบุเครื่องหมายของตัวเลขต่าง ๆ ที่อยู่ในระบบ หนึ่งในวิธีการระบุเครื่องหมายของตัวเลขในระบบคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ วิธี 2’ Complement
วิธี 2’ Complement จะเริ่มจากการกำหนดจำนวนหลักสูงสุดของตัวเลข (จำนวนบิตสูงสุด) กระบวนการทางคณิตศาสตร์ใด ๆ ก็ตาม ถ้าทำให้เกิดการทดเลขเลยบิตซ้ายสุดที่กำหนด เลขทดดังกล่าวจะหายไป เช่น ถ้ากำหนดให้ตัวเลขมีทั้งหมด 4 บิต 1111 บวกกับ 0001 จะเท่ากับ 0000 ไม่ใช่ 10000 เป็นต้น แต่ถ้ามีการขอยืมจากหลักหน้าสุดที่เป็นศูนย์ ให้ถือเสมือนว่ามีหลักที่เป็นค่า 1 อยู่ถัดออกไปจากบิตสูงสุดที่กำหนดไว้ แล้วทำการขอยืมตามปกติ เช่น ถ้าต้องการลบตัวเลขขนาด 4 บิต 0100 ด้วย 0111 จะถือว่าเลข 0100 เสมือนเป็น (1)0100 แล้วจึงลบกันตามปกติ เป็นต้น
ข้อกำหนดข้อที่สองของ 2’ Complement คือบิตที่ถูกกำหนดให้เป็นบิตนัยสำคัญสูงที่สุดจะเป็นบิตที่บอกเครื่องหมายของตัวเลข เช่น กำหนดให้ใช้ตัวเลขขนาด 6 บิต ดังนั้นบิดที่ 5 (เริ่มนับทางขวาสุดเป็นบิตที่ 0) จะเป็นบิตที่ระบุเครื่องหมายของตัวเลขนั้น เป็นต้น โดยการระบุเครื่องหมายจะใช้มาตรฐานว่า “ถ้าบิตหน้าสุดเป็น 0 หมายถึงเป็นเลขบวก ถ้าบิตหน้าสุดเป็นหนึ่งหมายถึงเป็นเลขลบ” ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้บิตทุกบิตที่กำหนดให้ในการเก็บค่าตัวเลขได้
ข้อกำหนดข้อที่สามของ 2’ Complement คือ ค่าตัวเลขที่เก็บอยู่เมื่อบวกกับค่าที่มีเครื่องหมายตรงกันข้ามกันตามแบบวิธีการบวกเลขฐานสองปกติ จะต้องได้ผลลัพธ์เป็นศูนย์ (แต่จะมีบิตทดที่หลุดหายทางซ้ายมือสุด) เช่น ถ้ากำหนดให้เป็นตัวเลขขนาด 4 บิต 1011 จะเท่ากับค่า –5 เพราะถ้าบวกกับ 0101 แล้วจะได้ (1)0000 โดยเลขทดด้านหน้าสุดจะหายไป เป็นต้น
จากข้อกำหนดทั้งหมดข้างต้น ถ้ากำหนดให้ตัวเลขที่ใช้มีขนาด 1 ไบต์ จะสามารถเก็บค่าบวกระหว่าง 0 (00000000) ถึง 127 (01111111) และค่าลบระหว่าง –1 (11111111) ถึง –128 (10000000)
การนำเลข 2’ Complement ไปบวกหรือลบกัน จะสามารถทำได้ตามวิธีการปกติ แต่จะผลลัพธ์สุดท้ายจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของ 2’ Complement ทั้งสามข้อ สำหรับการคูณและการหารนั้นจะต้องแยกค่าสัมบูรณ์ (Absolute) ออกมาคูณหารกัน แล้วจึงนำเครื่องหมายมาคิดภายหลัง แต่มีข้อควรระวังคือ ถ้าเป็นการคูณกันระหว่างตัวเลขขนาด 1 ไบต์ด้วยกัน ผลลัพธ์ที่ได้จะต้องใช้ที่เก็บขนาด 2 ไบต์ (ดูตัวอย่างในเรื่องการคูณเลขฐานสอง) ซึ่งมากเกินกว่าที่จะเก็บได้ ดังนั้นถ้าต้องการเก็บผลลัพธ์ไว้เป็นขนาด 1 ไบต์ ก็จะต้องให้ตัวตั้งและตัวคูณมีขนาดไม่เกิน 1 นิบเบิล (4 บิต)

2.8 ระบบเลข BCD (Binary Code Decimal)
ระบบเลข BCD มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Packed Decimal เป็นวิธีการหนึ่งที่จะทำให้การแปลงเลขระหว่างฐานสองกับฐานสิบง่ายขึ้นโดยใช้วิธีเดียวกับการสร้างเลขฐานสิบหก โดยจัดกลุ่มให้เลขฐานสอง 4 บิต เป็นเลขฐานสิบ 1 หลัก แต่จำนวนเลขโดดของเลขฐานสิบมีค่าน้อยกว่ารูปแบบของเลขฐานสองที่เป็นไปได้ใน 4 บิต ดังนั้นจึงมีเลขฐานสองบางรูปแบบที่ไม่ได้ถูกใช้งาน สาเหตุที่ต้องจัดกลุ่มเลขฐานสองให้เป็น 4 บิตแทนที่จะเป็นค่าอื่น ๆ เพราะจำนวนเลขโดดของเลขฐานสองมีค่าเท่ากับ 10 ซึ่งอยู่ระหว่าเลขฐานสอง 3 บิตกับ 4 บิต นั่นเอง
ปกติแล้วเรามักจะไม่นำเลข BCD ไปคำนวณแบบซับซ้อน มักจะนำไปบวกลบกันเท่านั้นซึ่งการบวกลบกันของเลข BCD จะต้องทำทีละ 1 นิบเบิล และต้องปรับค่าผลลัพธ์เพื่อเลี่ยงเลขฐานสองที่ไม่ได้ใช้งานด้วย

2.9 มาตรฐาน IEEE 754
มาตรฐาน IEEE754 เป็นมาตรฐานที่ถูกกำหนดขึ้นโดยหน่วยงานชื่อ IEEE (…) เพื่อเป็นมาตรฐานในการเก็บเลขทศนิยม (Floating Point) ในระบบคอมพิวเตอร์ โดยมาตรฐาน IEEE754 จะเก็บเลขทศนิยมฐานสิบในรูป
(-1 x S)1.M x 2E-B

โดยที่ S เป็นตัวระบุเครื่องหมายของตัวเลข ถ้าเป็น 0 จะเป็นบวก ถ้าเป็น 1 จะเป็นลบ
1.M เป็นฐานของเลขยกกำลัง อยู่ในรูป 1.XXXX
E เป็นตัวยกกำลังของสอง ไว้สำหรับระบุตำแหน่งของทวินิยม
B เป็นค่า BIAS เพื่อให้ค่าของ E ไม่ติดลบ จะมีค่าคงที่สำหรับทุกหมายเลข (ค่าของ B จะถูกกำหนดมาแล้วคือ 127 สำหรับ IEEE754 ขนาด 32 bit)

เช่น 2.5 จะสามารถเขียนได้เป็น (-1 x 0)1.010 x 2128-B
ในการเก็บค่าต่าง ๆ จะเก็บอยู่ในรูป S-M-E โดย S จะมีขนาด 1 บิต ส่วน M และ E จะมีขนาดแตกต่างกันไปหลายขนาด ขึ้นอยู่กับความละเอียดที่ต้องการ
มาตรฐาน IEEE754 นอกจากจะสามารถแทนค่าเลขทศนิยมปกติแล้ว ยังมีข้อกำหนดที่สามารถใช้แทนสิ่งที่เรียกกันว่า NaN (Not a Number) เช่น ค่าอินฟินิตี้ ด้วย
การคำนวณเลขตามมาตรฐาน IEEE754 มีความซับซ้อนมาก ดังนั้นจึงไม่ขอกล่าวในที่นี้

ที่มา computer.pcru.ac.th/jitranan/Assembly/document.doc

การปฏิวัติ

การปฏิวัติ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
ปฏิวัติ (อังกฤษ: revolution ; ฝรั่งเศส: Révolution) หมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากระบบเดิม ยกเลิกระบบเดิม ใช้ระบบใหม่ หรือ การรื้อโครงสร้างเดิมเป็นส่วนใหญ่ หรือจะใช้เป็นคำที่อธิบายว่ามีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เช่น ปฏิวัติตนเอง คือปรับปรุงตัวเองใหม่ จากหน้ามือเป็นหลังมือเป็นต้น

[แก้] ระบบการเมือง
การปฏิวัติคือการยึดอำนาจจากผู้ปกครองเดิม แล้วทำการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง เช่น การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 ซึ่งต่างจากรัฐประหาร ที่เป็นการยึดอำนาจปกครอง แต่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง เช่น รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549

[แก้] ดูเพิ่ม
ปฏิรูป
การปฏิวัติ เป็นบทความเกี่ยวกับ การเมือง การปกครอง หรือ กฎหมาย ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหาหรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับ การปฏิวัติ ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ
ดึงข้อมูลจาก "http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4".
หมวดหมู่: บทความเกี่ยวกับ การเมืองการปกครอง ที่ยังไม่สมบูรณ์ | การปกครอง
หมวดหมู่ที่ซ่อนอยู่: บทความที่รอการตรวจสอบรูปแบบเครื่องมือส่วนตัว
คุณลักษณะใหม่ล็อกอิน / สร้างบัญชีผู้ใช้เนมสเปซ
บทความอภิปรายสิ่งที่แตกต่างดู
เนื้อหาแก้ไขประวัติการกระทำ
สืบค้น

ป้ายบอกทาง
หน้าหลักเหตุการณ์ปัจจุบันถามคำถามบทความคัดสรรบทความคุณภาพสุ่มเนื้อหามีส่วนร่วม
ศาลาประชาคมปรับปรุงล่าสุดเรียนรู้การใช้งานติดต่อวิกิพีเดียบริจาคให้วิกิพีเดียวิธีใช้พิมพ์/ส่งออก
สร้างหนังสือดาวน์โหลดในชื่อ PDFหน้าสำหรับพิมพ์
เครื่องมือ
หน้าที่ลิงก์มาปรับปรุงที่เกี่ยวโยงอัปโหลดหน้าพิเศษลิงก์ถาวรอ้างอิงบทความนี้
ภาษาอื่น
AfrikaansAlemannischالعربيةAsturianuБългарскиCatalàČeskyDanskDeutschΕλληνικάEnglishEsperantoEspañolEestiEuskaraفارسیSuomiFrançaisGàidhligGalegoעבריתHrvatskiMagyarBahasa IndonesiaItaliano日本語Lojbanქართული한국어LatinaLietuviųLatviešuОлык МарийNederlands‪Norsk (nynorsk)‬‪Norsk (bokmål)‬PolskiPortuguêsRuna SimiRomânăРусскийСаха тылаSrpskohrvatski / СрпскохрватскиSimple EnglishSlovenčinaSlovenščinaShqipСрпски / SrpskiSvenskaTürkçeУкраїнськаTiếng ViệtWalonייִדיש中文หน้านี้แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2553 เวลา 04:38 น.
อนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ แบบแสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกัน; เงื่อนไขอื่นอาจใช้ประกอบด้วย โปรดศึกษาเงื่อนไขการใช้งาน
Wikipedia® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของมูลนิธิวิกิมีเดีย

ติดต่อเรา

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4

การเมือง

หน้าแรกข่าว > การเมือง



สบายดี!! โชว์รูปทักษิณโผล่เยี่ยมแมนเดลา
นพดล โต้ทักษิณป่วย โชว์ภาพถ่ายคู่ เนลสัน แมนเดลา ยันยังสุขภาพแข็งแรงดี ไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็งหรือเสียชีวิต
ข่าวล่าสุด
ภท.เปิดตัว2สส.พท.พร้อมปัดถูกซื้อตัว
พรรคภูมิใจไทย เปิดตัว 2 ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย ที่ตัดสินใจเข้าซบ พร้อมปัดถูกซื้อตัว ลั่นไม่ใช่โสเภณีทางการเมือง ด้าน กรุง ศรีวิไล แจง ซบภูมิใจไทย เพื่อทำงานให้ประชาชนอย่างเต็มที่ ส่วน จตุพร แฉถูกซื้อตัวถึง 80 ล้านบาท เป็นการพูดเล่นในหมู่เพื่อน

31 ส.ค. 53 16.37 น. อ่าน 13 ครั้ง.ปลัดมท.ยันมงคลเหมาะนั่งปลัดคนใหม่
ปลัดมหาดไทย ยืนยัน การแต่งตั้งปลัดมหาดไทยคนใหม่ มีคุณสมบัติเหมาะสม ลั่นไม่เกี่ยวสนิท เนวิน ชิดชอบ

31 ส.ค. 53 16.35 น. อ่าน 11 ครั้ง.เฉลิมเชื่อบึ้มNBTฝีมือคนไม่ธรรมดา
ร.ต.อ.เฉลิม เชื่อเหตุระเบิด NBT หวังสร้างสถานการณ์เพื่อนำไปสู่ความรุนแรง พร้อมระบุ คนธรรมดาทำไม่ได้

31 ส.ค. 53 16.22 น. อ่าน 31 ครั้ง.ปลัดมท.ยันโยกย้ายนายอำเภอเหมาะสม
ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยัน แต่งตั้งโยกย้ายนายอำเภอ เหมาะสมแล้ว โดยพิจารณาจากความรู้ความสามารถ ส่วนความอาวุโสพิจารณาเป็นลำดับสุดท้าย

31 ส.ค. 53 16.14 น. อ่าน 9 ครั้ง.สบายดี!! โชว์รูปทักษิณโผล่เยี่ยมแมนเดลา
นพดล โต้ทักษิณป่วย โชว์ภาพถ่ายคู่ เนลสัน แมนเดลา ยันยังสุขภาพแข็งแรงดี ไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็งหรือเสียชีวิต

31 ส.ค. 53 16.13 น. อ่าน 6560 ครั้ง. นายกยังไม่ทราบบึ้มNBT-ตั้งขรก.เป็นธรรม
นายกฯ กำชับ รมต.ทุกกระทรวง ให้ความช่วยเหลือปัญหาน้ำท่วม มอบหมาย รองนายกฯ สุเทพ ดูแลปัญหาอาชญากรรม และแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ พร้อมระบุ ยังไม่ทราบรายละเอียด เหตุระเบิด NBT ระบุ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

31 ส.ค. 53 16.06 น. อ่าน 23 ครั้ง. ครม.ตั้ง4อธิบดี-ผู้ว่าชร.นั่งผู้ตรวจมท.
ครม.แต่งตั้ง ข้าราชการะทรวงมหาดไทยหลายตำแหน่ง โดยโยกผู้ว่าฯ เชียงราย มาเป็นผู้ตรวจราชการ ก.มหาดไทย 'วิเชียร เชาวลิต' นั่งตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง

31 ส.ค. 53 15.36 น. อ่าน 28 ครั้ง. ครม.โยก วิเชียร ขึ้นเป็นอธิบดีกรมการปกครองคนใหม่
ครม.โยก "วิเชียร" นั่งอธิบดีกรมการปกครอง-ย้าย "สุเมธ" เข้ากรุเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง

31 ส.ค. 53 15.23 น. อ่าน 120 ครั้ง.สมชายเผยทักษิณโทรอวยพรวันเกิด
อดีตนายกฯสมชาย เผย อดีตนายกฯ ทักษิณ โทรศัพท์ มาอวยพรวันเกิดครบ 63 ปี พร้อมปัดอยู่ใกล้ไทยติง การขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน ไม่ใช่หน้าที่ของ รมว.ต่างประเทศ

31 ส.ค. 53 15.18 น. อ่าน 47 ครั้ง.นพดลเชื่อกษิตไปมอนเตฯเพื่อล่าทักษิณ
นพดล เชื่อ รมว.ต่างประเทศ เดินทางไป มอนเตเนโกร เพื่อให้ส่งตัว ทักษิณ กลับไทย พร้อมโชว์ภาพถ่ายคู่กับ อดีตปธานาธิบดีแอฟริกา หลังมีการปล่อยข่าวว่า เสียชีวิตแล้ว

31 ส.ค. 53 14.40 น. อ่าน 71 ครั้ง.วิทยา เผย สภาฯยังไม่พิจารณา เรื่องสตง.
ประธานวิปรัฐ เผย ที่ประชุมสภาฯ พรุ่งนี้ ยังมีการหยิบยกร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน ขึ้นมาพิจารณาเพราะยังไม่เรื่องเร่งด่วน

31 ส.ค. 53 14.35 น. อ่าน 13 ครั้ง. ด่วน! คนร้ายยิงเอ็ม 79 ถล่ม “NBT”
คนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที แต่ตกลงบริเวณทางเข้า ยังไม่ชัดมีใครบาดเจ็บหรือไม่และยังอยู่ระหว่างตรวจสอบหาวิถีกระสุน

31 ส.ค. 53 13.55 น. อ่าน 15490 ครั้ง.ปธ.วุฒิฯ เชื่อ ส.ว. โหวตผ่านงบ 54
ประธานวุฒิสภา เชื่อ การพิจารณางบประมาณ ปี 54 ในชั้นวุฒิสภา จะผ่านไปด้วยดี หลัง ส.ว. เรืองไกร เรียกร้องไม่ให้รับร่าง หวั่น ขัดรัฐธรรมนูญ กรณีขึ้นเงินเดือนให้ ส.ส.-ส.ว.

31 ส.ค. 53 12.15 น. อ่าน 18 ครั้ง. สหรัฐขอถอนฟ้องคดีที่2ของบูทแล้ว
อัยการสูงสุด ได้รับคำร้องขอถอนฟ้องในคดีที่ 2ของ วิคเตอร์ บูท จาก ทางการสหรัฐแล้วคาดจะมีความชัดเจน ภายใน1-2 วันนี้

31 ส.ค. 53 11.55 น. อ่าน 70 ครั้ง.ตะเพิด! เพื่อไทยติดประกาศไล่ 4 สส. พ้นพรรค
พท.ติดประกาศตะเพิด4ส.ส."วุฒิชัย-ปิยะรัช-กรุง-จิรพันธ์" ไม่ปฎิบัติตามมติและแนวทางการดำเนินการของพรรค

31 ส.ค. 53 11.45 น. อ่าน 43914 ครั้ง.ข่าวล่าสุดทั้งหมด >>

ข่าวที่มีผู้ชมสูงสุด 24 ชม.

มอนเตฯ ประกาศรวบ ทักษิณ หากอยู่ในลิสต์ ตร.สากล ยันชัดจะดำเนินตามกฏหมายกับ อด…
31 ส.ค. 53 07.10 น. อ่าน 50461 ตะเพิด! เพื่อไทยติดประกาศไล่ 4 สส. พ้นพรรคเดียร์ โวยDSIดองคดีฆ่า“เสธ.แดง“ลั่นเกลียดรัฐบาลชุดนี้ด่วน! คนร้ายยิงเอ็ม 79 ถล่ม “NBT”สบายดี!! โชว์รูปทักษิณโผล่เยี่ยมแมนเดลาเพื่อไทยเรียกร้องกกต.นับคะแนนส.ก.-ส.ข.ใหม่ 4 เขตอ่านข่าวอื่นๆ >>
ข่าวที่มีผู้แสดงความเห็นสูงสุด


เดียร์ โวยDSIดองคดีฆ่า“เสธ.แดง“ลั่นเกลียดรัฐบาลชุดนี้ "น้องเดียร์"โวยดีเอสไอไม่เป็น…
31 ส.ค. 53 09.02 น. ความเห็น 274มอนเตฯ ประกาศรวบ ทักษิณ หากอยู่ในลิสต์ ตร.สากลงานเข้า! ทอม ดันดี ถูกกลุ่มออนไลน์แจ้งความหมิ่นเบื้องสูงการเมืองใหม่รับพ่ายแพ้ ยืนยันไม่กลับไปเป็นพธม.ปชป.แชมป์ ได้ส.ก. 45 เพื่อไทย 15ตะเพิด! เพื่อไทยติดประกาศไล่ 4 สส. พ้นพรรค


http://news.sanook.com/politic/

การสร้างรูปปั้น

. "ค้านระงับสร้างรูปปั้นกวนอิม รุกที่หลวง-บดบังสะพานข้ามแม่น้ำแคว"

ประเภท ข่าวอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดีเด่น
กองบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ


ข้อเท็จจริงของข่าว

การก่อสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม ของมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรม ซึ่งตัวอาคารทำแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก สูง 3 ชั้น และก่อสร้างองค์กวนอิม สูง 18 เมตร สลักด้วยหินหยกขาวจากประเทศจีน รวม 88 ชิ้น น้ำหนักรวม 220 ตัน ยืนบนฐาน 8 เหลี่ยม ริมแม่น้ำแควใหญ่ ต.ท่ามะขาม อ.เมืองกาญจนบุรี กลายเป็นปัญหา สร้างความขัดแย้งและการต่อต้านจากประชาชนใน จ.กาญจนบุรี

ทั้งนี้เนื่องจากเมื่อมีการก่อสร้างจริง ทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า อาคารที่ก่อสร้างไปบดบังทัศนียภาพของสะพานข้ามแม่น้ำแคว สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จัก ซึ่งกำลังมีการดำเนินการเสนอเป็นมรดกโลก จึงมีการวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้างใน จ.กาญจนบุรี ว่า การได้มาซึ่งที่ดินของมูลนิธิฯ และการก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรม รวมทั้งองค์กวนอิม น่าจะไม่ถูกต้อง องค์กรภาคเอกชนต่างๆ จึงมีการรวมตัวกันเพื่อคัดค้านให้ระงับการก่อสร้าง และให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบ ตรวจสอบเอกสารสิทธิการครอบครองที่ดิน และการขออนุญาตก่อสร้าง

แม้ว่าทางมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรมจะออกมาชี้แจงว่า ได้ที่ดินมาอย่างถูกต้อง และดำเนินการขออนุญาตก่อสร้างตามขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมาย แต่กลุ่มที่ออกมาคัดค้านกลับเชื่อว่าการดำเนินการไม่น่าจะถูกต้อง จึงร้องเรียนต่อผวจ.กาญจนบุรี ให้ตรวจสอบ จนกระทั้งพบว่าการครอบครองที่ดินของมูลนิธิฯ เป็นที่ดินประเภทสงวนหวงห้ามในเขตที่ดินของรัฐ และการก่อสร้างไม่ตรงตามแบบแปลนแผนผังและใบอนุญาต



วิธีการนำเสนอ

น.ส.พ.ไทยรัฐ ได้รับทราบข่าวความไม่พอใจของชาวกาญจนบุรี และองค์กรภาคเอกชนต่างๆ รวมตัวเพื่อคัดค้านการก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรม และองค์กวนอิม ซึ่งถูกมองว่าเป็นการบุกรุกที่ดินริมฝั่งแม่น้ำ และก่อสร้างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงได้ส่งผู้สื่อข่าวออกตรวจสอบสภาพพื้นที่จริง และรวบรวมข้อมูลต่างๆ

จนกระทั่ง พ.อ.(พิเศษ)สุรินทร์ จันทร์เพียร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวกาญจนบุรี และประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ได้ออกมาแถลงข่าวคัดค้านเรียกร้องให้ระงับการก่อสร้างอาคารดังกล่าวและองค์กวนอิม เนื่องจากเห็นว่าเมื่อสร้างเสร็จจะทำลายภูมิทัศน์ของสะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งเป็นสะพานประวัติศาสตร์ของโลก และกำลังอยู่ในขั้นตอนเสนอให้เป็นมรดกโลก น.ส.พ.ไทยรัฐ จึงได้เสนอข่าวเริ่มตั้งแต่ฉบับวันที่ 19 พ.ค. 2552

ภายหลังการเสนอข่าวของ น.ส.พ.ไทยรัฐ นายสว่าง จุฬาพงษ์วนิช รองประธานมูลนิธิกวงอินสุนทรธรรม และนายธีรศักดิ์ นิ่มกิตติกุล ผู้จัดการโครงการก่อสร้าง ได้ออกมาชี้แจง พร้อมกับนำผู้สื่อข่าวไปดูพื้นที่ก่อสร้าง โดยระบุว่าได้ที่ดินบริเวณริมแม่น้ำแควใหญ่ ใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำแคว จำนวน 12 ไร่ ในพื้นที่ น.ส.3 เพื่อดำเนินการสร้าง มีคหบดีและพ่อค้าต่างๆ บริจาคเงินให้ก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2551 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันมียอดในการก่อสร้างแล้วประมาณ 100 ล้านบาท และจะใช้งบในการก่อสร้าง 100 ล้านบาทเช่นกัน พร้อมทั้งยืนยันว่าขั้นตอนทุกอย่างได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ต่อมา พ.อ.(พิเศษ)สุรินทร์ จันทร์เพียร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี ได้เป็นตัวแทนชาวกาญจนบุรี กลุ่มองค์กรเอกชน ภาคประชาชน นักสื่อสารมวลชน นักการศาสนา นักประวัติศาสตร์ นักวัฒนธรรม กลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ ยื่นหนังสือต่อ ผวจ. กาญจนบุรี คัดค้านไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างอาคารถาวรและองค์เจ้าแม่กวนอิม โดยในหนังสือมีข้อเรียกร้อง 6 ข้อ ให้ตรวจสอบหลักฐาน ขอบข่ายหน้าที่ของการอนุญาตให้ดำเนินการตามกฎหมาย ทบทวนการดำเนินการก่อสร้างโดยด่วน

ในขณะที่ภาคเอกชนออกมาคัดค้าน แต่ นายวีระ เหลืองประมวล นายก อบต.ท่ามะขาม ในฐานะเจ้าของพื้นที่การก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรมดังกล่าว กลับเผยว่าตนเองและชาวบ้านทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าจะสนับสนุนให้สร้าง เพราะจะดึงดูดนักท่องเที่ยวมามากๆ จะได้ขายสินค้าต่างๆ เป็นรายได้เสริม และมูลนิธิฯ จะมอบเงิน 2 ล้านบาท สร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียนในตำบล

ส่วน นายพิพัฒน์ ศังขะฤกษ์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี เปิดเผยว่าได้ลงไปดูแล้วพบว่าฝ่าย มูลนิธิฯ ได้ทำผ่านขั้นตอนการได้รับอนุญาตมาแล้วอย่างถูกต้อง สำหรับการก่อสร้างอาคารประติมากรรมและองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม สูง 18 เมตร ริมแม่น้ำแควใหญ่ นอกจากจะเป็นที่กราบไหว้สักการะของผู้ที่ศรัทธาแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย เป็นการมองคนละมุม ทั้งสองฝ่ายควรมาคุยกันด้วยเหตุผล

นอกจากนี้ นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผวจ.กาญจนบุรี ยังให้สัมภาษณ์และยืนยันว่าตนไม่มีอำนาจที่จะยับยั้งการก่อสร้าง เพราะทางมูลนิธิฯ ดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอน และยังสร้างในพื้นที่เอกสารสิทธิอีกด้วย

ฝ่ายนักวิชาการและบุคคลผู้มีชื่อเสียงสาขาต่างๆ รวมทั้งกลุ่มองค์กรด้านประวัติศาสตร์และสิ่งแวดล้อม ก็ไม่ย่อท้อที่จะออกมาตรวจสอบและระบุว่า การดำเนินการของมูลนิธิฯ ไม่ชอบมาพากล ขอให้ทางจังหวัดตรวจสอบอย่างจริงจัง นอกจากนี้คณะกรรมารธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรมศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา และสำนักพระพุทธศาสนา ก็ให้ความสนใจลงไปตรวจสอบพื้นที่ ในขณะที่ข้าราชการใน จ.กาญจนบุรี พยายามบ่ายเบี่ยงที่จะให้จัดเวทีสาธารณะ

แต่การเสนอข่าวของ น.ส.พ.ไทยรัฐ ติดต่อกันหลายเดือน ส่งผลกดดันให้ ผวจ.กาญจนบุรี จำต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อหาข้อยุติ โดยมี ผศ.ดร.ปัญญา การพานิช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี เป็นประธาน และมีผู้ทรงคุณวุฒิ 18 คนเป็นกรรมการ

คณะกรรมการตรวจสอบฯ ได้สรุปผลการตรวจสอบ 7 ประเด็น ระบุว่าพื้นที่ก่อสร้างองค์กวนอิมไม่อยู่ในพื้นที่ที่มูลนิธิถือครอบครองสิทธิ และมอบหมายให้ อบต.ท่ามะขาม เจ้าของพื้นที่ไปดำเนินการตามกฎหมาย นอกจากนี้หน่วยงานต่างๆ ยังตรวจสอบพบว่ามีการก่อสร้างผิดหลายขั้นตอน อาทิ มูลนิธิฯ อ้างว่ารัศมีก่อสร้างห่างจากตัวสะพานข้ามแม่น้ำแคว 150 เมตร แต่ตรวจสอบพบว่าห่างจากตัวสะพานเพียง 75 เมตร และมีการลักไก่ก่อสร้างอาคารรวม 6 อาคาร ซึ่งตามแบบมีเพียงอาคารเดียว

ดังนั้น ผวจ.กาญจนบุรี จึงได้ออกหนังสือด่วนที่สุด 2 ฉบับ ฉบับแรกเลขที่ กจ.0016.3/14825 ลงวันที่ 19 ส.ค. 2552 ส่งไปยังนายพิพัฒน์ ศังขะฤกษ์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี แจ้งว่า จากการตรวจสอบของเจ้าพนักงานที่ดิน จ.กาญจนบุรี พบว่าที่ดินที่มูลนิธิฯ ครอบครองอยู่ เป็นที่ดินประเภทสงวนหวงห้ามในเขตที่ดินตามพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2481 ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมธนารักษ์ ทางกรมธนารักษ์ได้ตรวจสอบพบว่า ที่ดินออก น.ส.3 ก. เลขที่ 9 และ ส.ค.1 เลขที่ 245 เป็นที่ดินชายตลิ่งฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ เนื้อที่ 4 ไร่ 97 ตารางวา กรมธนารักษ์อ้างว่า เป็นพื้นที่ปฏิรูปเป็นอำนาจของ ส.ป.ก. กาญจนบุรี และได้รับคำยืนยันจากสำนักงานปฏิรูปที่ดินว่า ที่ดินที่มีการก่อสร้างองค์เจ้าแม่กวนอิม เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน จึงให้นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี ใช้ พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ และรายงานผลให้ทราบด้วย

หนังสือฉบับที่ 2 ระบุว่า เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี ยืนยันว่าที่ดินนอกหลักฐาน น.ส.3ก. เลขที่ 9 และ ส.ค.1 เลขที่ 245 เป็นที่ดินประเภทสงวนหวงห้ามในเขตที่ดินของรัฐ ตามพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2481 และไม่ตรงตามแบบแปลนแผนผังและใบอนุญาต จึงให้นายอำเภอแจ้งไปยัง อบต.ท่ามะขาม ในฐานะพนักงานท้องถิ่นพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และระเบียบกฎหมายแล้วรายงานผลให้ ผวจ.ทราบด้วยเช่นกัน

จากคำสั่งดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดเจนว่า การดำเนินการครอบครองที่ดินและการก่อสร้างของมูลนิธิฯ มีการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป



คุณค่าและผลกระทบของข่าว

คุณค่าของการเสนอข่าวการคัดค้านระงับการก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรม และองค์กวนอิมของมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรม ซึ่งบดบังทัศนียภาพของสะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่ น.ส.พ.ไทยรัฐ เสนอข่าวติดต่อกันหลายเดือนนี้ ส่งผลกระตุ้นให้ชาวจังหวัดกาญจนบุรี องค์กรต่างๆ และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ให้ความสนใจออกมาร่วมตรวจสอบข้อกฎหมายและสภาพความเป็นจริง จนกระทั่งพิสูจน์ได้ชัดเจนว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย

นอกจากนี้ยังเป็นการเสนอข่าวสะท้อนให้เห็นการทำงานของภาครัฐที่ไม่ใส่ใจปัญหาอย่างจริงจัง โดยจะเห็นได้จากการที่ ผวจ.กาญจนบุรี นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี และนายก อบต.ท่ามะขาม ออกมายืนยันในระยะแรกว่า มูลนิธิฯ มีการดำเนินการตามกฎหมายถูกต้องทุกขั้นตอน

แต่เมื่อ น.ส.พ.ไทยรัฐ เสนอข่าวติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง และมีหน่วยงาน องค์กรต่างๆ รวมทั้งนักวิชาการออกมาร่วมตรวจสอบ ทาง ผวจ.กาญจนบุรี จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ จนกระทั่งมีข้อสรุปว่าการก่อสร้างดังกล่าวมีการกระทำผิดทั้งเรื่องการครอบครองที่ดิน และการก่อสร้าง ซึ่งจะส่งผลให้มีการดำเนินการตามกฎหมาย และยุติการก่อสร้าง

ข่าวนี้จึงเป็นการเสนอข่าวพิทักษ์การทำลายสิ่งแวดล้อมทางทัศนียภาพที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง


http://tja.or.th/index.php?option=com_content&view=article&id=1489:2010-02-20-08-12-51&catid=103:2010-02-20-08-11-23

การยึดถือศาสนา

 สอนไม่ให้ยึดถือ แต่ถ้านับถือพระพุทธศาสนา จะขัดแย้งกับอนัตตาไหม
พระพุทธศาสนาสอนไม่ให้ยึดถือสิ่งทั้งปวง ถ้าเรานับถือศาสนาเช่นศาสนาพุทธอย่างนี้จะมิเป็นการขัดแย้งกับคำสอนดังกล่าวหรือ?
ไม่เห็นขัดแย้งอะไรกันนี่อันที่จริงการนับถือพระพุทธศาสนาหรือศาสนาอะไรก็ตาม เพื่อเป็นหลักในการดำเนินชีวิตของบุคคล เพราะคนเราไม่มีใครที่จะรู้อะไรไปทุกอย่าง โดยไม่ต้องศึกษาเล่าเรียนได้ การนับถือพระพุทธศาสนาก็เพื่อศึกษาให้รู้และปฎิบัติให้ถูกต้องตามเหตุผลที่ทางศาสนาได้จำแนกแสดงไว้
การยึดหลักของพระศาสนาจึงเป็นเหมือนนักเรียนผู้เริ่มฝึกเขียนหนังสือ อ่านหนังสือ จำเป็นต้องอาศัยไม้บรรทัดการสะกดอักษรกันไปตามหลักเกณฑ์ที่ท่านแสดงไว้ แต่เมื่อเกิดความชำนิชำนาญดีแล้วความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้นก็หมดไปคือ การเขียน การอ่าน การทำความเข้าใจก็เป็นไปโดยอัตโนมัติ
การปฏิบัติธรรมอันเกิดขึ้นจากการศึกษาสดับฟังทางพระพุทธศาสนาก็เช่นเดียวกัน ในขั้นแรกจำเป็นจะต้องยึดหลักตามที่ท่านสอนไว้ เมื่อถึงจุดหนึ่งท่านจะถ่ายถอนความยึดติดในรูปแบบต่างๆได้ จิตของท่านจะมีปฏิกิริยาต่ออารมณ์หรือสิ่งเร้าทั้งหลายเองโดยอัตโนมัติ
การสอนสิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นนั้นเป็นเรื่องของสัจธรรมอันบุคคลจะเข้าถึงได้ไม่ง่ายนัก เพราะคนจะมีความรู้สึกว่า
"นั้นเป็นของเราเช่นตัวเรา ญาติเรา น้องเรา ทรัพย์สมบัติของเรา เราเป็นนั่นเป็นนี่ เช่นเราเป็นนายทหาร เป็นข้าราชการเป็นต้น หรืออาจยึดถือว่านั่นเป็นตัวเป็นตน จนเกิดการแบ่งแยก เป็นเราเป็นเขา เป็นพวกเป็นหมู่กัน"
เรื่องการยึดถือในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ถ่ายถอนได้ยากมาก เครื่องมือที่จะนำไปสู่การถ่ายถอนความยึดถือในลักษณะที่หลงผิดดังกล่าวได้อย่างแท้จริง ก็ต้องอาศัยหลักศาสนาที่ตนได้ศึกษาและลงมือปฏิบัติตามเท่านั้น
ดังนั้นการนับถือพระพุทธศาสนาจึงเป็นเหตุให้คนเข้าถึงความจริงโดยการถ่ายถอนอุปาทานคือความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง ความปล่อยวางจึงเป็นผลที่เกิดจากการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา ทั้งสองจึงเป็นเหตุเป็นผลกัน เป็นปัจจัยของกันและกัน ซึ่งทุกคนจะต้องเข้าถึงให้ได้ทั้งสองระดับจึงจะได้ประโยชน์จากพระศาสนาอย่างแท้จริง
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่าธรรมที่ทรงแสดงนั้นเปรียบเหมือน แพ ทุ่น หรือยานพาหนะที่คนต้องอาศัยข้ามฟาก แน่นอนว่าตราบใดที่คนเหล่านั้นยังเดินทาง จากฟากหนึ่งไปสู่ฟากหนึ่งนั้น เขาต้องมียานพาหนะสำหรับอาศัยและต้องยึดถือพาหนะเหล่านั้นเป็นที่พึ่ง แต่เมื่อเขาถึงฝังแล้วเขาต้องละพาหนะเหล่านั้นเพื่อขึ้นฝั่ง ซึ่งเมื่อถึงช่วงนั้น เขาจะต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง คือจะขึ้นฝั่งหรือว่าจะอยู่ในพาหนะที่อาศัยมา แต่จะขึ้นฝั่งพร้อมด้วยแบกเรือไปด้วยไม่ได้
เพราะเหตุนี้พระอริยบุคคลทั้งหลายท่านจึงมีศีลมีธรรม แต่ท่านไม่ยึดถือในสิ่งเหล่านั้น เช่นศีลของท่าน ก็ไม่ต้องระมัดระวังสำรวมระวังอะไรอย่างที่คนทั่วไปเขาทำกัน เพราะศีลของท่านมีสมบูรณ์จนไม่ต้องสำรวมระวังอย่างคนที่ศีลยังไม่สมบูรณ์ต้องคอย สำรวมระวังสมาทานแสดงอาบัติกันอยู่ ศีลของพระอริยบุคคลจึงมีลักษณะที่เป็นไปเองโดยอัตโนมัติ
อันที่จริงเรื่องการเข้าถึงความจริงสองระดับนี้ ระดับการปล่อยวางความยึดถือเป็นปหาตัพพธรรมคือธรรมที่ต้องละ แต่การนับถือพระพุทธศาสนาเป็นภาเวตัพพธรรม คือธรรมที่ต้องสร้างให้มีให้เป็นขึ้นในชีวิตจิตใจของตน หากคนเข้าถึงธรรมสองฝ่ายนี้ตามสมควรแก่ธรรมแล้ว ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้รู้อริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง ปัญหาเรื่องยึดถืออะไรไม่ยึดถืออะไรก็จะหมดไป
การรู้ธรรมสองฝ่ายนี้จัดเป็นความรู้อริยสัจ ๔ อย่างไร?
การเห็นความทุกข์ความเดือดร้อนในระดับต่างๆอันเกิดชึ้นจากความยึดถือในสิ่งทั้งหลายแล้วกำหนดรู้ไว้ว่า นี่ทุกข์ จัดเป็นทุกขสัจ
การกำหนดเห็นความเป็นโทษอันเกิดจากความยึดถือในขันธ์ ๕ ประการด้วยอำนาจตัณหาว่าของเรา ด้วยอำนาจมานะว่า เราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้แล้ว ละเสีย จัดเป็นทุกข์สมุทัยอริยสัจ
การกำหนดให้รู้จักว่าผลเกิดขึ้นจากการนับถือพระพุทธศาสนานั้นมีความสงบเย็น เป็นความหมดไปสิ้นไปแห่งความยึดมั่นถือด้วยประการนั้นๆ จนถึงเป็นบรมสุขว่าเป็นสิ่งที่ควรทำให้แจ้งจัดเป็นทุกข์นิโรธอริยสัจ
การกำหนดรู้ว่าผลที่ตนจำนงหวังจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการปฏิบัติตามหลักของพระพุทธศาสนาจัดเป็นทุกข์นิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้วจะพบว่าท่านสอนให้ผู้นับถือพระพุทธศาสนาเกี่ยวข้องกับสิ่งทั้งหลายด้วยปัญญา แทนที่จะเกี่ยวข้องกับสิ่งทั้งหลายด้วยโมหะความหลง เพราะชีวิตที่อยู่ด้วยปัญญาเป็นชีวิตที่ประเสริฐสุด
ด้วยเหตุนี้ข้อความในปัญหานี้จึงไม่มีลักษณะขัดแย้งกันตามที่ถามมา




http://www.phrabuddhasasana.com/ans/index.php?option=com_content&task=view&id=80

การพัฒนาชีวิต

เศรษฐกิจพอเพียง
“เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 30 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายในทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการนำวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอนและขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐนักทฤษฎีและนักธุรกิจในทุกระดับให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบเพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี

หลักแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง

การพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาทโดยคำนึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล
การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผนการตัดสินใจและการกระทำ

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

มีหลักพิจารณาอยู่ 5 ส่วน ดังนี้
1. กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้
ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัย และวิกฤต เพื่อความมั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนา

2. คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน

3. คำนิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ พร้อม ๆ กัน ดังนี้

- ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดี ที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ

- ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผล
ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ

- การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์
ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล

4. เงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยทั้งความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน กล่าวคือ

- เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน
เพื่อประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ

- เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วยมีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์และมีความอดทน มีความเพียรใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต

5. แนวทางปฏิบัติ/ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน
ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ทางสายกลาง

เงื่อนไขคุณธรรม

(ซื่อสัตย์ สุจริต ขยันอดทน
สติปัญญา แบ่งปัน)

พอประมาณ

มีเหตุผล

มีภูมิคุ้มกันใน

ตัวที่ดี



เงื่อนไขความรู้

(รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง)




























นำสู่

ชีวิต/เศรษฐกิจ/สังคม/สิ่งแวดล้อม

สมดุล/มั่นคง/ยั่งยืน/








เศรษฐกิจพอเพียงกับทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ

เศรษฐกิจพอเพียงและแนวปฏิบัติของทฤษฎีใหม่ เป็นแนวทางการพัฒนาที่นำไปสู่ความสามารถในการพึ่งตนเองในระดับต่าง ๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ลดความเสี่ยงเกี่ยวกับความผันแปรของธรรมชาติ อาศัยความพอประมาณและความมีเหตุผล สร้างภูมิคุ้มกันที่ดี มีความรู้ ความเพียร และความอดทน สติ และปัญญา การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และความสามัคคี

เศรษฐกิจพอเพียงมีความหมายกว้างกว่าทฤษฏีใหม่ โดยที่เศรษฐกิจพอเพียงเป็นกรอบแนวคิดที่ชี้บอกหลักการ และแนวทางปฏิบัติของทฤษฎีใหม่ ในขณะที่แนวพระราชดำริเกี่ยวกับทฤษฎีใหม่หรือเกษตรทฤษฏีใหม่ เป็นแนวทางการพัฒนาภาคเกษตรอย่างเป็นขั้นตอน เป็นตัวอย่างการใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงในการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมเฉพาะในพื้นที่ที่เหมาะสม

เศรษฐกิจพอเพียง มี 2 รูปแบบ คือ

เศรษฐกิจพอเพียงแบบพื้นฐาน คือ ความพอมี พอกิน สามารถพึ่งตนเองได้โดยไม่โลภมาก และไม่เบียดเบียนคนอื่น

เศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า คือ การแลกเปลี่ยนร่วมมือช่วยเหลือกัน เพื่อทำให้ส่วนร่วมได้รับประโยชน์ และนำไปสู่การพัฒนาชุมชนและสังคมให้เจริญอย่างยั่งยืน

เกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นตัวอย่างที่เป็นรูปแบบของการใช้ปรัชญาเศรษฐกิจด้านการเกษตร แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ

ทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 1 เป็นการทำการเกษตรที่มีระบบการผลิตที่สามารถเลี้ยงตนเองในระดับที่ประหยัด และสามารถช่วยเหลือตนเองได้โดยเริ่มจากการแบ่งพื้นที่ออกเป็น
4 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 เป็นพื้นที่สระน้ำเพื่อเก็บกักน้ำฝนไว้ใช้ในไร่นาเพื่อปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ส่วนที่ 2 เป็นพื้นที่ปลูกข้าว เพื่อใช้สำหรับการบริโภคในครัวเรือนให้เพียงพอตลอดปี ส่วนที่ 3
เป็นพื้นที่ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชไร่ และอื่น ๆ เพื่อเป็นอาหารและยาสำหรับบริโภคในครัวเรือน เหลือจึงจำหน่ายเป็นรายได้ ส่วนที่ 4 เป็นพื้นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ถนนหนทาง และโรงเรือน

ทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 2 เป็นการรวมพลังของเกษตรกรในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์ร่วมกันดำเนินการในการผลิต การตลาด การเป็นอยู่ สวัสดิการ การศึกษา สังคม และศาสนา
โดยได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ และเอกชน

ทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 3 เป็นการประสานเพื่อจัดหาทุนและแหล่งเงินมาช่วยในการลงทุนและพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยได้รับประโยชน์ร่วมกัน

ดังนั้น การที่จะเลือกใช้ทฤษฎีใหม่ทั้งทฤษฎีใหม่ขั้นต้น และทฤษฎีใหม่ขั้นก้าวหน้าในการส่งเสริมเกษตรกรให้เป็นรูปธรรมตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับเกษตรกรแต่ละกลุ่มหรือแต่ละชุมชน จะต้องมีความเข้าใจและยึดหลักการในการบริหารจัดการที่ดิน และน้ำเพื่อการเกษตรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เปรียบเทียบเศรษฐกิจพอเพียงกับทฤษฎีใหม่

ความพอเพียงในระดับบุคคลและครอบครัว โดยเฉพาะเกษตรกร เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบพื้นฐาน เทียบได้กับทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 1

ความพอเพียงในระดับชุมชนและระดับองค์กร เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า ซึ่งครอบคลุมทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 2

ความพอเพียงในระดับประเทศ เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า ซึ่งครอบคลุมทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 3


การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียง

1. พิจารณาจากความสามารถในการพึ่งตนเองเป็นหลัก ที่เน้นความสมดุลทั้ง 3 คุณลักษณะ คือ พอประมาณ มีเหตุมีผล และมีภูมิคุ้มกัน มาประกอบการตัดสินใจ
ในเรื่องต่าง ๆ เป็นขั้นเป็นตอน รอบคอบ ระมัดระวัง พิจารณาถึงความพอดี พอเหมาะ พอควร และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ที่มีองค์ประกอบครอบคลุม
ทั้ง 5 ประการ คือ

(1) ด้านจิตใจ มีจิตใจเข้มแข็ง ฝึกตนเองได้ มีจิตสำนึกที่ดี เอื้ออาทร ประณีประนอม และนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก

(2) ด้านสังคม มีความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน รู้รักสามัคคี สร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัวและชุมชน รู้จักผนึกกำลัง มีกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจากรากฐานที่มั่นคง
แข็งแรง

(3) ด้านเศรษฐกิจ ดำรงชีวิตอยู่อย่างพอดี พอมี พอกิน สมควรตามอัตภาพ และฐานะของตนประกอบอาชีพสุจริต (สัมมาอาชีวะ) ด้วยความขยันหมั่นเพียร อดทน
ใช้ชีวิตเรียบง่าย โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น มีรายได้สมดุลกับรายจ่าย รู้จักการใช้จ่ายของตนเองและครอบครัวอย่างมีเหตุผลเท่าที่จำเป็น ประหยัด รู้จัก
การเก็บออมเงินและแบ่งปันผู้อื่น

(4) ด้านเทคโนโลยี รู้จักใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการและภูมินิเวศ พัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อ
ตนเองและสังคม

(5) ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รู้จักใช้และจัดการอย่างฉลาดและรอบคอบ สามารถเลือกใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดความยั่งยืนสูงสุด

2. พิจารณาความรู้คู่คุณธรรม มีการศึกษาเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง (ทั้งภาคทฤษฎีและการปฏิบัติจริง) ในวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิต
ใช้สติปัญญาในการตัดสินใจต่าง ๆ อย่างรอบรู้ รอบคอบ และมีเหตุผลที่จะนำความรู้ต่าง ๆ เหล่านั้นมาปรับใช้อย่างมีขั้นตอนและระมัดระวังในการปฏิบัติ มีความ
ตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความเพียรความอดทน และใช้สติปัญญาอย่างชาญฉลาดในการดำเนินชีวิตในทางสายกลาง



“คุณธรรมที่ทุกคนควรจะศึกษาและน้อมนำมาปฏิบัติ มี 4 ประการคือ

ประการแรก คือ การรักษาความสัตย์ ความจริงใจต่อตัวเองที่จะประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรม

ประการที่ 2 คือ การรู้จักข่มใจตนเอง ฝึกใจตนเองให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในสัจจะความดีนั้น

ประการที่ 3 คือ ความอดทน อดกลั้น และอดออมที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัตย์สุจริตไม่ว่าด้วยเหตุประการใด

ประการที่ 4 คือ การรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริต และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง

คุณธรรม 4 ประการนี้ ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝังและบำรุงให้เจริญงอกงามขึ้นโดยทั่วกันแล้ว จะช่วยให้ประเทศชาติบังเกิดความสุข ความร่มเย็น และมีโอกาสที่จะ
ปรับปรุงพัฒนาให้มั่นคง ก้าวหน้าต่อไปได้ดังประสงค์....................





http://nan.doae.go.th/nan09/genaral/phorpuing.htm

การผลิตปืนทุกชนิด

ขายส่งตลับลุกปืนทุกชนิด หัวเทียนมอเตอร์ไซด์ เครื่องตัดหญ้า
ตลับลูกปืน HURRICANE ผลิตจากเหล็กกล้า Chome Steel GCR15 ตามมาตรฐานของการผลิต ABEC1/Z2/C3 โดยโรงงานได้การรับรองคุณภาพมาตราฐานการผลิต ISO/TS 16949:2000 ตลับลูกปืน 6xx-2RS / 6xxx-2RS ฝาปิดลูกปืนเป็นแผ่นยางกันฝุ่น มีแผ่นเหล็กเสริมความแข็งแรงทั้งสองด้านของตลับลูกปืน ....ตลับลูกปืน เม็ดกลมร่องลึก Ball Bearing จึงใช้กับความเร็วรอบสูงได้ ทนทานต่อความร้อนสูงดี ใช้กับลูกปืนมอเตอร์ไฟฟ้า ลูกปืนไดนาโม ลูกปืนปั๊มน้ำ เครื่องมือไฟฟ้า Power Tool ลูกปืนสว่านไฟฟ้า กังหันลม ลูกปืนล้อรถแข่งโกคาร์ท รถ ATV ลูกปืนบันไดเลื่อน ลูกปืนสายพานลำเลียง ในLine ผลิต และลูกปืนสเตอร์ ลูกปืนล้อหน้า-หลังรถจักรยานยนต์

ขนาด
รูใน x รูนอก x หนา (มิลลิเมตร)
10 x 26 x 8 mm.....HURRICANE 6000 2RS = 23.-
12 x 28 x 8 mm.....HURRICANE 6001 2RS = 23.-
15 x 32 x 9 mm.....HURRICANE 6002 2RS = 23.-
17 x 40 x 10 mm...HURRICANE 6003 2RS = 23.-
20 x 42 x 12 mm...HURRICANE 6004 2RS = 28.-
10 x 30 x 9 mm.....HURRICANE 6200 2RS = 20.-
12 x 32 x 10 mm...HURRICANE 6201 2RS = 20.-
15 x 35 x 11 mm...HURRICANE 6202 2RS = 20.-
17 x 40 x 12 mm...HURRICANE 6203 2RS = 28.-
20 x 47 x 14 mm...HURRICANE 6204 2RS = 38.-
25 x 52 x 15 mm...HURRICANE 6205 2RS = 48.-
30 x 52 x 16 mm...HURRICANE 6206 2RS = 58.-
35 x 72 x 17 mm...HURRICANE 6207 2RS = 68.-
10 x 35 x 11 mm...HURRICANE 6300 2RS = 23.-
13 x 37 x 12 mm...HURRICANE 6301 2RS = 23.-
15 x 42 x 13 mm...HURRICANE 6302 2RS = 24.-
17 x 47 x 14 mm...HURRICANE 6303 2RS = 34.-
20 x 52 x 15 mm...HURRICANE 6304 2RS = 44.-
25 x 62 x 17 mm...HURRICANE 6305 2RS = 54.-
30 x 72 x 19 mm...HURRICANE 6306 2RS = 64.-
7 x 19 x 6 mm......HURRICANE 607 2RS = 28.-
8 x 22 x 7 mm......HURRICANE 608 2RS = 28.-
9 x 24 x 7 mm......HURRICANE 609 2RS = 28.-
7 x 22 x 7 mm......HURRICANE 627 2RS = 28.-
9 x 26 x 8 mm......HURRICANE 629 2RS = 28.-
190 x 340 x 92 mm....NTN 22238...........B 1,330
120 x 215 x 40 mm....SKF 6224.............B 6,505
70 x 100 x 16 mm......NTN 6914-zz........B 1,200
70 x 100 x 16 mm......NB 6914-zz..........B 464
60 x 140 x 43 mm......62132.................B 5,500
40 x 62 x 12 mm.......SUS 6908-vv........B 410
15 x 28 x 7 mm.........6902-zz..............B 80
17 x 30 x 7 mm.........NB 6903-vv.........B 38 /1000ตลับ
15 x 24 x 5 mm.........6802-zz..............B 75
15 x 21 x 4 mm.........6702-zz..............B 75
12 x 37 x 12 mm.......6301-vv..............B 80
30 x 52 x 16 mm.......NSK 6206-vv .......B 190
12 x 24 x 6 mm.........6901-zz..............B 75
12 x 21 x 5 mm.........6801-zz..............B 75
12 x 18 x 4 mm.........6701-zz..............B 75
10 x 19 x 5 mm.........NB 6800-zz..........B 75
20 x 52 x 15 mm.......6304-2RS Carbom Steel....฿ 25 /50ลูก
25 x 62 x 17 mm.......6305-2RS Carbon Steel.....฿ 25 /50ลูก
12 x 28 x 8 mm.........HCH 6001-zz .................฿ 10 /5000ลูก
17 x 40 x 12 mm.......NSK 6203-zz0.................฿ 91 /1000ลูก
8 x 22 x 7 mm..........NSK 608-zz....................฿ 50 /100ลูก
19.05 x 41.275 x 11.112 mm......NB R12-vv.....B 65
10 x 26 x 8 mm........NSK 6000-zz .................฿ 88
35 x 55 x 10 mm ......NSK 6907-zz...................B 260
55 x 100 x 21 mm.....NSK 6211-zz...................B 399
45 x 100 x 25 mm.....NSK 6309-zz...................B 436
60 x 130 x 31 mm.....KOYO 6312-zz.................B 789
10 x 15 x 4 mm.........B 65
8 x 19 x 6 mm...........B 75
8 x 16 x 5 mm...........B 65
8 x 14 x 4 mm...........B 58
8 x 13 x 3.5 mm........B 58
8 x 12 x 3.5 mm........B 58
7 x 17 x 5 mm...........B 65
7 x 11 x 3 mm...........B 58
6 x 19 x 6 mm...........B 75
6 x 16 x 5 mm...........B 68
6 x 13 x 5 mm...........B 58
6 x 12 x 4 mm...........B 58
6 x 12 x 3 mm...........B 58
6 x 10 x 3 mm...........B 58
6 x 10 x 2.5 mm........B 58
5 x 16 x 5 mm...........B 65
5 x 13 x 5 mm...........B 58
5 x 13 x 4 mm...........B 58
5 x 11 x 5 mm...........B 58
5 x 11 x 4 mm...........B 55
5 x 10 x 3,4 mm........B 58
5 x 9 x 3 mm............B 58
5 x 8 x 3 mm............B 58
5 x 8 x 2.5 mm.........B 58
4 x 13 x 5 mm..........B 58
4 x 11 x 4 mm..........B 58
4 x 10 x 4 mm..........B 58
4 x 9 x 4 mm............B 58
4 x 8 x 2,3 mm.........B 58
4 x 7 x 2.5 mm.........B 58
4 x 7 x 2 mm............B 58
3 x 8 x 4 mm............B 58
3 x 8 x 2.8 mm.........B 58
3 x 7 x 3 mm............B 58
3 x 6 x 2.5 mm.........B 58
3 x 6 x 2 mm............B 58
2 x 6 x 2.5 mm.........B 58
1.5 x 4 x 1.2 mm.......B 58
5 x 8 x 2.5 mm...มีบ่า, ปีก....B 105
3 x 6 x 2.5 mm...มีบ่า, ปีก....B 105
4 x 8 x 6 mm......one-way...B 450 (FC4K)
6 x 10 x 12 mm...one-way...B 420 (HF0612,FC6)
8 x 12 x 12 mm....one-way...B 440 (HF0812,FCL8K)
10 x 16 x 12 mm...one-way...B 440 (HF1012)
60 x 140 x 43 mm...one-way...B 19,500 (62132)
LM 11949/910/Q.....TAM...........B 63
30204 J2/Q............TAM...........B 56
320/32/Q...............NIS............B 143
LM 67048/010/Q.....TAM............B 75
22210 E/C3............SKF............B 2,129
...........................NSK............B 1,740
...........................NBA............B 772


และลูกปืน และเม็ดลูกปืน แบบอื่นๆ ทุกรุ่น ทุกเบอร์ ทุกแบบ ของแท้ ไม่ขายของเทียม
ลูกปืนหายาก ลูกปืนแบบพิเศษ เม็ดลูกปืน ทุกขนาด รับสั่งนำเข้าและผลิต
NSK NTN KOYO FAG SKF FBJ NACHI NB NIS HCH DQD SealMaster
เกรด Carbon Steel / Chome Steel / Stainless Steel

608-2Z C2E/LHT23 และ 608-2-ZZ C2/LHT23 ลูกปืนสั่งผลิตมาเฉพาะใช้งาน ที่ต้องการเสียงรบกวนต่ำ
รอบความเร็วสูง เนื้อจารบีแบบพิเศษ ไม่มีขายทั่วไปในท้องตลาด
และตลับลูกปืนวันเวย์ เครื่องซักผ้า

หัวเทียน NST / HURRICANE
L 6 เครื่องตัดหญ้า
A8TC รถจักรยานยนต์ 4 จังหวะ เกลียวสั้น WAVE100
B8BC รถจักรยานยนต์ 4 จังหวะ เกลียวยาว SONIC WAVE125
C7TC หัวเทียนรถสกายแล็บ
E7TC รถจักรยานยนต์ 2 จังหวะ เกลียวสั้น MATE นางพญา
F8TC รถจักรยานยนต์ 2 จังหวะ เกลียวยาว และใช้กับรถกระป้อ 4 ล้อเล็กไดฮัทสุ ได้
----ขายส่ง 100 - 500 หัวๆละ 25 บาท
-------ขายส่ง 500 - 1000 หัวๆละ 23 บาท
----------ขายส่ง 1000 หัวขึ้นไป หัวละ 18 บาท
หัวเทียนแกนเหล็กชุบนิเกิล คุณภาพสูง สปาร์ทไฟแรง ลดเขม่า ควันดำ สตาร์ทติดง่าย รับประกันคุณภาพ ทุกชิ้น
ได้รับความเชื่อถือสูง จากผู้ใช้ มั่นใจจากผู้ขาย จากร้านซ่อม และร้านค้าขายอะไหล่ทั่วประเทศ
และ หัวเทียน NGK แท้ ราคา 500 หัวขึ้นไป 35 บาท สำหรับรถจักรยานยนต์ ไส้แกนทองแดงทั้งเส้น
FINO WAVE DREAM Phantom Sonic Mate Click Airbrade Nova Dash NSR Spark ฯลฯ
รถกระป้อ DAIHUTSU 4 ล้อเล็ก รถสามล้อสกายแล็บ

ติดต่อ คุณสุรศักดิ์ ศรีสราจิวะกุล (อ้น )
เลขที่ 23/84 ถนนกรุงเทพ-นนท์ บางซื่อ กรุงเทพฯ 10800
Tel. 084-149-5687 สอบถามราคา
Fax. 02-586-9210 ใบสั่งซื้อ แผนที่ส่งสินค้า หรือ
Email: [email]Surasak_sri@hotmail.com[/email]
ราคานี้ไม่รวมค่าจัดส่งสินค้า
...วิธีการชำระเงิน
โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์
สาขา อิมพีเรียล ลาดพร้าว เลขที่ 224-219310-8
ในนามคุณสุรศักดิ์ ศรีสราจิวะกุล
...วิธีจัดส่งสินค้า
ต่างจังหวัด ....ส่งทางไปรษณีย์ EMS (ส่งถึงบ้าน)
หรือ บริษัทฯ ขนส่ง (เก็บเงินค่าขนส่งปลายทาง)
หรือ ส่งด้วยตัวเองในเขตกรุงเทพฯ เท่านั้น เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์
วันเวลาราชการปกติ ทำงานอยู่ที่ออฟฟิต สะพานใหม่ เกี่ยวกับ
ห้องสอบเทียบเครื่องมือวัดคุม Instrument


http://www.thaipromote.com/view1725348.html

การผลิตกระสุน

ปืนกลบราวนิง เอ็ม 2 ที่บรรจุกระสุนแล้ว ปลายหัวกระสุนส่องวิธีถูกทาสีแดงเพื่อแยกประเภทออกจากกระสุนธรรมดากระสุนส่องวิถีคือกระสุนชนิดพิเศษที่ฐานใต้หัวกระสุนถูกดัดแปลงให้รองรับสารเคมีที่ก่อให้เกิดประกายไฟ สารเคมีจะลุกไหม้ทำให้เกิดแสงจ้าเมื่อกระสุนถูกยิงออกไป ทำให้ผู้ยิงรู้ถึงวิถีกระสุน ว่ากระทบกับเป้าหมายหรือไม่ เพื่อปรับการเล็งให้เที่ยงตรง โดยทั่วไปแล้วกระสุนส่องวิถีจะถูกบรรจุแทรกกับกับกระสุนทั่วไปทุกๆ สี่ถึงหกนัด เพื่อทำการส่องวิถีในการรบเวลากลางคืน แต่บางครั้งหัวหน้าชุดยิงอาจจะบรรจุกระสุนส่องวิถีทั้งซองเพื่อชี้เป้าให้สมาชิกชุดยิงคนอื่นๆ ทำการระดมยิงใส่เป้าหมาย

คนที่ถูกกระสุนส่องวิถียิงใส่จะเห็นว่ากระสุนแล่นมาด้วยความเร็วต่ำจากระยะไกล แต่เมื่อกระสุนแล่นเข้ามาใกล้ขึ้น ก็ดูเหมือนว่าความเร็วของกระสุนจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม มุมมองของผู้ถูกยิงนั้นเป็นภาพลวงตา

เนื้อหา [ซ่อน]
1 ประวัติ
2 วิธีการผลิต
3 ประเภท
4 การใช้งาน
5 ความปลอดภัย
6 อ้างอิง

[แก้] ประวัติ
ก่อนที่จะมีกระสุนส่องวิถี ผู้ยิงมักจะพึ่งการกระทบของกระสุนเพื่อปรับการเล็ง แต่การกระทบนั้นมองเห็นได้ยาก จนกระทั่งตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ผู้ออกแบบกระสุนได้พัฒนากระสุนสปอตไลท์ ที่ทำให้เกิดแสงวาบหรือกลุ่มควันตอนตกกระทบ เพื่อทำให้มองเห็นได้ง่ายขึ้น แต่กระสุนดังกล่าวถูกพิจารณาว่าเป็นการละเมิดอนุสัญญาเฮกว่าด้วยการห้ามใช้กระสุนระเบิด[1] อีกทั้งยังไม่มีประโยชน์เมื่อใช้ต่อกรกับอากาศยานเนื่องจากกระสุนจะไม่ส่องแสงหรือควันถ้าไม่โดนเป้าหมาย ยังมีกระสุนอีกชนิดหนึ่งที่สามารถปล่อยควันตามวิถีกระสุนได้ แต่กระสุนชนิดนี้จะต้องเสียมวลไปในระดับหนึ่งเพื่อที่จะปล่อยควัน ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนที่ของกระสุนเป็นอย่างมาก

สหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรกที่ผลิตกระสุนส่องวิถีขึ้นมาใน ค.ศ. 1915 โดยกระสุนดังกล่าวเป็นกระสุนขนาด .303 ที่ถูกดัดแปลงให้สามารถส่องวิถีได้[2] ต่อมาสหรัฐอเมริกาก็ผลิตกระสุนส่องวิถีขึ้นเช่นเดียวกันในปี 1917 โดยกระสุนมีขนาด 30-06[3]

[แก้] วิธีการผลิต

กระสุนส่องวิถีขนาด 7.62x51mm NATO ปลายกระสุนสีแดงกระสุนส่องวิถีถูกผลิตขึ้นจากกระสุนฐานกลวง ที่มีสารเคมีที่ก่อให้เกิดประกายไฟอัดอยู่แน่น อาทิเช่นฟอสฟอรัส, แมกนีเซียมหรือสารเคมีอื่นๆ ที่ทำให้เกิดประกายไฟและให้ความสว่างมากพอ ในกระสุนมาตรฐานของนาโต้และสหรัฐฯ สารเคมีที่ใช้ส่วนใหญ่มาจากส่วนผสมของสารประกอบจำพวกสทรอนเทียม (สตรอนเทียมไนเตรต, สตรอนเทียมเพอร็อกไซด์ ฯลฯ) กับเชื้อเพลิงเชิงโลหะเช่นแมกนีเซียม ซึ่งเมื่อถูกเผาไหม้แล้วจะทำให้เกิดแสงสีแดงสว่างจ้า ส่วนกระสุนส่องวิถีของจีนกับรัสเซียใช้เกลือแบเรียมเป็นสารเคมีที่ใช้ในการเผาไหม้ จึงทำให้เกิดแสงสีเขียว กระสุนส่องวิถีรุ่นในใหม่ๆ บางรุ่นใช้สารประกอบที่ทำให้เกิดแสงน้อย และมักจะเป็นแสงอินฟราเรดที่สามารถมองเห็นได้ผ่านกล้องมองกลางคืนเท่านั้น[4]

แม้ว่าจุดประสงค์หลักของกระสุนส่องวิถีคือช่วยผู้ยิงในการเล็งเป้า แต่ผู้ยิงไม่สามารถพึ่งพากระสุนส่องวิถีเพื่อช่วยปรับการเล็งเพียงอย่างเดียว เนื่องจากกระสุนส่องวิถีน้ำหนักและการเคลื่อนที่ในเชิงอากาศพลศาสตร์ที่ต่างไปจากกระสุนทั่วไป ด้วยเหตุที่ว่าเมื่อกระสุนส่องวิถีเดินทางออกจากลำกล้องปืน เชิ้อเพลิงที่อยู่ข้างในฐานกระสุนจะเกิดการเผาไหม้ ขณะที่กระสุนกำลังแล่นไปยังเป้าหมาย ทำให้วิถีการเคลื่อนที่ของกระสุนส่องวิถีกับกระสุนธรรมดาต่างกันอย่างเห็นได้ชัดในการยิงระยะไกล เพราะมวลในกระสุนส่องวิถีจะลดลงไปตามการเผาไหม้ของสารเคมี ในขณะที่มวลในกระสุนธรรมดาจะคงที่และมีวิถีการเคลื่อนที่ที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยตามแรงโน้มถ่วงเท่านั้น

[แก้] ประเภท
มีกระสุนส่องวิถีอยู่สามประเภทด้วยกันได้แก่แบบส่องสว่าง, แบบส่องสว่างช้าและแบบส่องสว่างน้อย โดยประเภทมาตรฐานคือกระสุนส่องวิถีแบบส่องสว่าง ที่เริ่มการเผาไหม้ทันทีที่ออกจากปากกระบอกปืน ข้อเสียของกระสุนส่องวิถีประเภทนี้คือกระสุนจะบ่งชี้ตำแหน่งที่ตั้งของผู้ยิงให้กับศัตรู และยังทำให้อุปกรณ์มองกลางคืนใช้ไม่ได้ เพราะแสงที่เปล่งออกมานั้นสว่างเกินไป กระสุนส่องวิถีแบบส่องสว่างช้าจะเริ่มการเผาไหม้อย่างเต็มที่เมื่อกระสุนเดินทางไปแล้วประมาณหนึ่งร้อยหลาขึ้นไปเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูรู้ตำแหน่งของผู้ยิง ส่วนกระสุนส่องวิถีแบบส่องสว่างน้อยจะให้ความสว่างน้อยมาก แต่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนผ่านอุปกรณ์มองกลางคืน

[แก้] การใช้งาน

นาวิกโยธินสหรัฐฯ กำลังซ้อมยิงด้วยกระสุนส่องวิถีกระสุนส่องวิถี นอกจากจะใช้เพื่อชี้เป้าศัตรูและปรับการเล็งแล้วยังถูกนำไปใช้ในรถถังอีกด้วย โดยใช้กับปืนกลร่วมแกนร่วมกับปืนใหญ่รถถังเพื่อยิงชี้ตำบลกระสุนตกก่อนทำการยิงจริง เครื่องบินรบในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองก็นำวิธีการชี้เป้าแบบนี้ไปใช้ โดยจะใช้ปืนกลยิงกระสุนส่องวิถีเพื่อชี้เป้าศัตรูก่อนที่จะใช้ปืนใหญ่อัตโนมัติเพื่อให้เกิดความเที่ยงตรงสูงสุด

นอกจากจะใช้เพื่อชี้เป้าแล้ว กระสุนส่องวิถียังถูกใช้เพื่อเตือนผู้ยิงว่ากระสุนใกล้จะหมดแล้ว โดยบรรจุกระสุนชนิดดังกล่าวลงไป 2 นัดสุดท้ายของซองกระสุน ซึ่งมีประโยชน์มากในปืนที่ระบบลูกเลื่อนไม่เปิดค้างเมื่อกระสุนหมด (เช่นปืนเล็กยาวจู่โจม เอเค 47) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพอากาศโซเวียตได้นำวิธีการนี้ไปใช้กับปืนกลในเครื่องบินรบ แต่ข้อเสียเปรียบของการทำแบบนี้คือศัตรูก็จะรู้ว่ากระสุนกำลังจะหมด และเสี่ยงต่อการโจมตีกลับในทันทีเมื่อกระสุนหมด อย่างไรก็ตามข้อเสียเปรียบไม่ส่งผลต่อการรบภาคพื้นดิน เนื่องจากเมื่อกระสุนใกล้ ผู้ยิงจะทำการเตือนคนอื่นๆ ว่ากำลังจะทำการบรรจุกระสุนใหม่และต้องการให้คุ้มกัน ทำให้ศัตรูเสี่ยงต่อการยิงตอบโต้จากฝ่ายตรงข้ามที่ช่วยคุ้มกันให้อยู่

ในปัจจุบันอากาศยานพึ่งพาการใช้ขีปนาวุธ เรดาร์และการนำวิถีด้วยเลเซอร์เพื่อติดตามศัตรู ทำให้การใช้กระสุนส่องวิถีไม่สำคัญอีกต่อไป

[แก้] ความปลอดภัย
เนื่องจากกระสุนส่องวิถีเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอัคคีภัย จึงถูกห้ามไม่ให้ใช้ในสนามยิงปืนในสหราชอาณาจักร โดยทั่วไปแล้วการใช้กระสุนส่องวิถีจะได้รับอนุญาตระหว่างการซ้อมรบเท่านั้น[5]

ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2009 เกิดไฟป่าขึ้นในพื้นที่ทางทหารใกล้เมืองมาร์เซย์ ประเทศฝรั่งเศส โดยสาเหตุของเพลิงเกิดจากกระสุนส่องวิถี ทำให้พุ่มไม้ที่แห้งและติดไฟ




/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%96%E0%B8%B5

การผลิตเกมส์ส่งเสริมสมอง

วิธีนวดพฤษภาคมสมบูรณ์ Therapies สุขภาพจิต »
สิบวิธีในการดูแลสุขภาพสมอง
เราทั้งหมดอาจจะตกลงสมองเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดของร่างกายมนุษย์ เพียงทำให้รู้สึกถึงสถานที่ดูแลรักษาสมองดีฟังก์ชันสำคัญที่สุด การดูแลสมองไม่ติดไฟความสนใจมากในอดีต แต่ในเวลานี้ได้กลายเป็นชัดเจนเหลือเกินมีประโยชน์มากในการมุ่งเน้นที่อวัยวะสุขภาพสำคัญที่สุดของเรา ต่อไปนี้เป็นรุ่นที่ใช้ร่วมกันของการวิจัยในแนวทางสิบต่อการดูแลรักษาและปรับปรุงสุขภาพสมอง

มากสุขภาพสมองเกิดจากการบริโภค สิ่งที่เราใส่เข้าไปในร่างกายของเรามีผลระยะยาวและผลประโยชน์

1 กรดไขมันโอเมก้า 3 : นี่คือทั่วไปทราบ booster สมอง แต่มักจะสามารถทอดทิ้ง กรดไขมันโอเมก้า 3 มีความสำคัญต่อสุขภาพสมอง ขาดไขมันเหล่านี้อาจทำให้เกิดปัญหาเช่น IQ ต่ำ, ภาวะซึมเศร้าและสมองสำคัญอื่นๆ มันอาจช่วยให้ตระหนักถึงไขมันเหล่านี้ไม่เพียง แต่รักษาสุขภาพสมองแต่ประสิทธิภาพในการป้องกันสุขภาพสมองดีด้วย แหล่งธรรมชาติที่ดีที่สุดของโอเมก้า 3 มีกรดไขมันเป็นปลา แต่ถ้าด้วยเหตุผลบางปลาไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถพิจารณาทางเลือกเช่นการเม็ดน้ำมันปลาหรือ krill

2 ชาสมุนไพร : มีสองวิธีที่ชาสมุนไพรสามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพในสมอง ชาหอมเช่นมินต์และโรสแมรี่ที่ทราบเพื่อเพิ่มพลังงานเนื่องจากทั้งสมุนไพรเพื่อเป็นผลกระตุ้นหอม แปะก๊วยและโสมเป็นที่รู้จักสำหรับผลโดยตรงของตนในการรักษาสุขภาพสมองดี แปะก๊วยเรียกได้ว่าเป็นชาสมุนไพรที่ช่วยให้ว่างออกซิเจนในสมองผ่านการปรับปรุงการส่งเส้นประสาทและเลือดไหล . ชาโสมจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับต่อมหมวกไตและต่อมใต้สมองสุขภาพ ชาชะเอมชาเป็นสุขภาพอื่นโดยตรงต่อมหมวกไตที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่รู้จักกันสำหรับการเงียบใจ

3 เครื่องเทศสมุนไพร : มีคู่ของเครื่องเทศที่นิยมมาจิตสำหรับการส่งเสริมสุขภาพสมอง Tumeric ได้รับการเชื่อมต่อกับการป้องกันเป็นไปได้ของเสื่อม นี้เป็นสีเหลืองอ่อนเครื่องเทศปรุงพบในผงกะหรี่ซึ่งผสมผสานของเครื่องเทศที่ tumeric รวม แกงมากอย่างแพร่หลายรู้จักและใช้เป็นก็ถือว่ารสชาติของเครื่องเทศที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ tumeric เองถูกใช้เนยเทียมปรุง, คุกกี้และแม้แต่ในขิงชาตาม อบเชยเป็นเครื่องเทศซึ่งถือว่าดีสำหรับการกระตุ้นสมองและอื่นหน่วยความจำ

4 Nuts & Berries : ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะมองถั่วจะถือว่าดีสำหรับสุขภาพจิต แม้ว่าถั่วอาจจะไม่แก้สำหรับโรคจิตเภทหรือโรคจิตจะเป็นในการรักษาและพัฒนาหน่วยความจำ ทุกประเภทถั่วเป็นที่รู้จักกันเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพสมองโดยเฉพาะเมื่อมีการบริโภคในชีวิตประจำวัน Berries เป็นที่รู้จักกันเพื่อประโยชน์ในคุณสมบัติที่ช่วยป้องกันต่อการพัฒนาของสมองเสื่อมและเสื่อมด้วย

5 น้ำ :ของทุกสารที่ใช้พิจารณาเพื่อสุขภาพสมองที่ดีกว่าน้ำมีความสำคัญเป็นหลัก สมองไฮดีส่งเสริมความระมัดระวังและความสามารถในสมาธิ ชาและน้ำผลไม้บางชนิดสามารถนำชุ่มชื้นช่วยเล็กน้อยเป็นประโยชน์สมุนไพรเพื่อสุขภาพสมอง แต่ไม่ควรพิจารณาแทนน้ำ ปริมาณเพียงพอของน้ำสะอาดดื่มที่ช่วยให้คุณคิด

6 วิตามินและเกลือแร่ : มีทั้งหมดรับทราบความต้องการของร่างกายสำหรับวิตามินและเกลือแร่ พวกเขาให้บริการเราดีในการผลิตสารเลือด, สุขภาพและความต้องการอาหารอื่นๆ แม้ว่าจะชัดเจนร่างกายประกอบด้วยเนื้อและเนื้อเยื่ออ่อนในความต้องการของวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้มักจะ eludes ความสนใจของเราสมองที่ทำขึ้นสารเดียวกัน นี้อาจเกิดจากการขาดจิตสำนึกในความแตกต่างแตกต่างระหว่างความคิดและสมอง แต่เป็นสิ่งสำคัญที่ทราบว่าสมองต้องการวิตามินและเกลือแร่ในเท่าส่วนที่เหลือของร่างกาย สำหรับวิตามินและแร่ธาตุสมองผลิตสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้หน่วยความจำรวมทั้งสารอาหารอื่น ๆ ที่เพิ่มและปรับอารมณ์ตลอดจนช่วยเหลือในความชัดเจนของความคิด

กิจกรรมที่มีบทบาทสำคัญในสุขภาพสมองเกินไป ไม่ปล่อยให้ไปถอนคำว่าสิ่งที่เราทำในแต่ละวันไม่ได้ผลเราในหลายๆ

7 Play : เป็นหนุ่มที่หัวใจเพิ่งได้รับการส่งเสริมให้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เมื่อมาถึงการลดระดับความเครียดและมีทั่วไปบวกกับชีวิตความสนุกสนานได้รับการกล่าวถึงบ่อย เล่นเกมยังรู้เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพสมอง ไม่ใช่เกมใหญ่ที่ให้บุคคลที่น่าสงสัยหรือยาม แต่เกมกระดานหรือเกมเรื่องไม่สำคัญที่ช่วยกระตุ้นความสามารถในการออกกำลังกายหน่วยความจำ ดังนั้นขี้เล่น, ดึงเก้าอี้และดึงออกจากบอร์ดเก่าหรือเกมใหม่ที่ มีสนุก ๆ และเวลาคุณภาพกับเพื่อนสนิทและครอบครัวของคุณเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและมีหน่วยความจำ

8 Sleep : คุณอาจเคยได้ยินของเก่าว่า 'ถ้าคุณเลื่อน You Loose'แต่ในกรณีสุขภาพทางปัญญาของการนอนหลับดีคุณจะได้รับการพัฒนาของเซลล์สมองใหม่ ส่วนที่เหลือเพียงพอยังส่งเสริมความสามารถในการรักษาสมาธิและความจำ ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มต้นในการส่งเสริมความสามารถในการร่วมในกิจกรรมที่ล่าสุดคืนยาวคุณควรจริงจังพิจารณาความรู้สึกที่ดีเกี่ยวกับการนอนกลางคืนดีของแทน นี้โดยเฉพาะคำแนะนำที่ดีสำหรับนักเรียนดึงทุก nighter ในการยัดเยียดให้ในวันถัดไปสอบ

9 หายใจ : อาจดูเหมือนชัดเจนว่าลมหายใจเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพสมอง แต่บ่อยครั้งสำคัญในการหายใจอย่างถูกต้องมากกว่าดู เป็นสิ่งสำคัญที่สามารถใช้หายใจลึกเพื่อประโยชน์ในการได้รับปริมาณที่เพียงพอของออกซิเจนในสมอง ออกซิเจนช่วยเตือนสมองและคุณตื่นตัว เหตุผลหนึ่งที่เราได้รับการง่วงนอนหลังอาหารหนักเป็นเพราะระบบย่อยอาหารโดยใช้ออกซิเจนจากร่างกายและออกจากออกซิเจนน้อยลงสมองไปใช้ประโยชน์ หายใจลึกหรือเดินในอากาศบริสุทธิ์สามารถช่วยในการบรรเทาผลกระทบนี้ การออกกำลังกายที่เหมาะสมหายใจเป็นวิธีที่ดีเพื่อให้ปริมาณสุขภาพของออกซิเจนไหลไปยังสมอง

10 สมาธิ : วัน แต่ไม่น้อยนี้เป็นที่ชื่นชอบการทำสมาธิได้รับการปฏิเสธโดยทั่วไปเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพในอดีต แต่หลายคน reconsidering สมาธิมีผลในระบบภูมิคุ้มกันและความสามารถในการลดความเครียด การศึกษาล่าสุดเปิดเผยสมาธิเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสมองและการศึกษาดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการทำสมาธิสามารถจริงข้นเปลือกสมองของสมอง นี้หน่วยความจำช่วยสมาธิและมุ่งเน้น แดกดันนี้หมายความว่าเราควรใช้กระบวนการของการให้ไปคิดต่อไม่คิดเลยเพื่อที่จะคิดดีกว่า

แต่สมองถือว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดของร่างกายที่มุ่งเน้นนำสมองเพื่อสุขภาพจิตใจที่แข็งแรง

Friends Link : โสม


http://redginsengextract.myfreeblogonline.com/2010/05/28/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E/

การผลิตระเบิด

สารพัดวิธีทำระเบิด

ระเบิดเจลาติน

ใครทำตามตายขึ้นมาไม่รู้นะเฟร้ย ผู้ทำควรเป็นคนที่ชำนาญมากๆ หรือก็เบื่อชีวิตสุดๆเท่านั้น

ระเบิดอันนี้ต้องเก็บเย็นมากๆครับ อย่าให้เกิน 0 องศา C เด็ดขาดไม่งั้นตู้พัง

สัดส่วนผสม
1. ไนโตรกรีคอล 75% (หาเองเฟ้ย ผสมจาก Antifreeze ได้ แต่ไม่สอน เด๋วคนทำตายก่อน)
2. ดินปืน IMR แบบไร้ควัน 6% (ซื้อจากร้านไฟแช๊คดูป๊อง)
3. โปรแตสเซียมไนเตรท (หาไม่ได้ก็อย่าทำเลย ตายเปล่า)
4. แป้งขนมปัง (งงดิ งงใช่มะ)

ผสมล่ะนะ
1. เอาโปแตสเซียมไนเตรทกับไนโตรกรีคอล ระวังระเบิดล่ะ เพราะไนโตรกรีคอลมันระเบิดง่ายมากๆ ควรใส่ถุงมือตลอดเลยนะ
2. ผสมแป้งมันกับโวเดียมคาร์บอเนต แล้วเอาข้อ 1 ผสมเข้าจนเป็นเนื้อเดียวกันนะ ผสมช้าๆ เบาๆ อย่าให้มือขาดล่ะ
3. ผสม IMR เข้าไปหลังจากสารทั้งคู่เป็นเนื้อเดียวกันแล้ว แล้วผสมต่อให้ IMR เข้าเป็นเนื้อเดียวกันด้วย

เอาไปใช้ให้เร็วที่สุด เพราะมันด้านง่าย ระเบิดเองก็ง่าย ถ้าจะเก็บก็อย่าให้เกิน 10C เด็ดขาด อัตราระเบิดอยู่ที่ 7700 เมตรต่อวิฯ

เตือนอีกที เฉพาะคนที่อยากตายหรือชำนาญมากๆ ค่อยทำ
ผมผสมแล้ว โต๊ะพังไป 1 ตัว กางเกง 4 ตัว

ระเบิดขวด (ไม่ใช้ระเบิดมาทอฟนะ)
สิ่งที่ต้องใช้
1. กรดไฮโดรคลอริค หาได้จากน้ำยาล้างห้องน้ำ ฟุตบาท ลานจอดรถ
2. ขวดน้ำอัดลม (พลาสติก) ขนาด 1 - 3 ลิตร (2 ลิตรดีที่สุด)
3. ตะกั่วแผ่น หาซื้อจากร้านเครื่องใช้ในบ้าน

วิธีทำ
1. ม้วนตะกั่วแผ่นเป็นแท่งยาวๆ แล้วตัดเป็นแท่งเล็กๆ แท่งละ 3 นิ้ว ให้ได้ 7 - 8 แท่ง
2. เทกรดไฮโดรคลอริคลงในขวด (กรุณาใช้กรวยกรอกน้ำ เสียดายน้ำยา) สูง 2 นิ้ว
3. ยัดตะกั่วแผ่นที่ม้วนแล้วลงไป 7 - 8 แท่งต่อขวด
4. เขย่าแรงๆ 1 ทีแล้วโยน
5. หนีดิ อยู่หาสวรรค์วิมาราอาราย (คำเตือน...คำเตือน...คุณมีเวลา 25 วินาทีก่อนการระเบิด)

อานุภาพ
ระเบิดนี้เสียงดังมากกกก ขวด 2 ลิตรเสียงเท่า TNT ครึ่งแท่ง แต่ความรุนแรงห่างกันไกล กระนั้น! มันก็แรงพอจะฉีกมือออกจากข้อมือสบายๆ จากการทดลองเอาใส่ท่อเหล็กปิดฝา ฝาที่ทำจากหน้าจานตาบอด (แผ่นเหล็กตันทรงกลม) กระเด็นขึ้นไปตกที่ชั้น 3 (ใช้ส่วนผสมตามที่ให้ไว้)

เตือนอีกที ใครอยากครบ 32 อย่ามั่วทำ ถ้าไปทำใครตาย หรือทำแล้วตาย หรือไม่ตายก็รับผิดชอบเอาเองนะ

ระเบิดลูกเทนนิส ระเบิดเพลิงงี่เง่า

อุปกรณ์ที่ต้องใช้
1. ลูกเทนนิสถูกๆ
2. มีดถูกๆ
3. คลอรีนผสมน้ำในสระ เอาแบบเข้มๆหน่อยก็ดี
4. น้ำมันก๊าด ผมใช้แบบที่ใส่เครื่องตัดหญ้า
5. กรวยกรอกน้ำ

วิธีทำ
1. เอามีดมา แทงลูกเทนนิสให้เป็นรู 1 รู กว้างแค่พอจะยัดกรวยเข้าไปได้
2. อัดคลอรีนเข้าไปในลูกเทนนิสให้เต็มเลย
3. เทน้ำมันก๊าดใส่เข้าไปให้ชุ่มคลอรีนแล้วโยนไปไกลๆ

อานุภาพ
10 วินาทีหลังจากคลอรีนเปียกหมดแล้ว บอลจะพ่นควันฟู่ๆๆ แล้วลุกเป็นไฟ ฟู่มมมม! ความรุนแรงแค่พอไหม้มือได้ แต่ห้ามคว้างใส่คนนะ ระเบิดปัญญาอ่อนนี่ใช้ระเบิดรถ/ ถังน้ำมัน/ ปั้มน้ำมันได้ดีเป็นพิเศษ เพราะลูกเทนนิสมันเด้งดี ระเบิดรุ่นนี้ก็เป็นระเบิดเพลิงด้วย ลองเปลี่ยนจากลูกเทนนิสเป็นปิงปองดูก็ใช้ได้เหมือนกัน

ใครเอาไปทำความเสียหายรับผิดชอบเอาเอง เผยแพร่เพื่อการศึกษาเท่านั้นเฟร้ย

ระเบิดงี่เง่า2

อุปกรณ์ที่ต้องใช้
1. ลูกเทนนิส(อีกละ)
2. ไม้ขีด 4-5 กล่อง
3. มีด
4. กรวยกรอกน้ำ

วิธีทำ
1. เจาะลูกเทนนิสเป็นรูแล้วเอากรวยใส่เข้าไป
2. เลาะหัวไม้ขีดออก แล้วรวบรวมไว้
3. เอาผงที่ได้จากหัวไม้ขีดเทเข้าไปให้เต็มลูกเทนนิส
4. ตัดข้างๆกล่องไม้ขีด (ที่เราใช้ขูดเวลาจุดไฟ) ออกมา แล้วสอด/แปะ เอาไว้ที่รู (ระวังตูม)

เวลาใช้ก็ขว้างไปตรงๆ แล้วมันก็จะตูม (โอกาส 50/50 ถ้าอัดแน่นไป หรือไม่แน่นเลย ถ้าพอดีๆระเบิดแหงๆ)
เห็นมะ งี่เง่ามากเลย ใช้ไล่หมาได้ ไล่คนดี ถือไม่ดีมือแหกอีกเหมือนกัลล์

ระเบิดงี่เง่า 3 งี่เง่าน้อยลงหน่อย
อุปกรณ์ที่ต้องใช้
1. ถ่าน AA
2. ขวดน้ำพลาสติก (ฝาเกลียว)
3. ค้อน
4. ตะปู
5. ถาดอะลูมิเนียม
6. ถุงมือ
7. น้ำยาล้างแผล (ไฮโดรเจนเปอออกไซด์ H2O2)

วิธีผสม
1. เอาถ่าน AA มาตั้งไว้ ใช้ตะปูตอกขั้วลบให้เปิดออก แล้วงัดเอาไส้ในออกมา ให้เป็นแท่งๆ เป็นเศษๆ ไม่ดี ระวังกรดซัลฟิวริคในถ่านให้ดี ควรใส่ถุงมือ
2. เอาไส้ถ่านใส่ถาดอะลูมิเนียมไว้ ไปตากแดด 1 ชม. ให้น้ำกรดระเหยออกไป
3. เอาน้ำยาล้างแผลเทใส่ขวดน้ำ สัก 2 นิ้ว
4. เทไส้ถ่านใส่ขวดที่มีน้ำยาล้างแผลแล้ว เขย่า 1 ครั้งแรงๆ คว้างไปไกลตัว

อานุภาพ
คล้ายๆระเบิดจากตะกั่วกะน้ำยาล้างห้องน้ำนั่นแหละ สามารถโยนฝากระติกน้ำขึ้นชั้น 3 ได้สบายๆ

ข้อควรจำในการผสมระเบิด

การผสมระเบิดทุกลูก ทุกชนิด ต้องทำภายใต้การป้องกันดังนี้
1. ระเบิดที่ผสมขึ้นจากการไนเตรตของกรดต่างๆ จะทำให้เกิดก๊าซที่มีพิษ เช่น การทำ RDX ที่ต้องใช้ กรดซัลฟิวริด 98% ไนเตรตกับ โปแตสเซียมไนเตรต หรือ โซเดียมไนเตรต เพื่อผลิตกรดไนตริค 100% จะทำให้เกิดก๊าซ ไนโตรเจน ไทรอ๊อกไซด์ หากสูดดมจะเกิดอาการวิงเวียน อ้วกแตกอ้วกแตน ปวดหัวม๊ากมาก หรืออาจเสียชีวิต ตายหร่าได้ง่ายๆ จึงควรผสมระเบิดเฉพาะในที่ที่มีอากาศถ่ายเทดีมากเท่านั้น (ควรใส่หน้ากากกันก๊าซพิษด้วย)
2. สารเคมีหลายอย่างมีความสามารถ ซึมผ่านผิวหนังได้ เช่น ไนโตรกรีเซอรีน ถ้าซึมผ่านจะเกิดอาการคล้ายๆข้อ 1 ดังนั้นจึงควรสวมถุงมือทุกครั้งที่จับต้องสารเคมี
3. สารตั้งต้นของระเบิด เช่น RDX ที่ใช้ในการทำ C - C4 นั้น ระเบิดง่าย ยิ่งในตอนผสมยิ่งอันตราย เพราะการไนเตรตแต่ละทีจะเกิดความร้อน อาจตูมได้ทุกเมื่อ ดังนั้น ถาดที่ใช้ในการไนเตรต ต้องแช่อยู่ในอ่างน้ำแข็ง (มีน้ำครึ่งหนึ่ง) ที่มีความสูงมากกว่าถาด 2 เท่าขึ้นไป ถ้าอุณหภูมิขณะไนเตรตเกิดสูงเกินกำหนด จะได้กดถาดลงอ่างน้ำแข็งไปเลย เสียของดีกว่าเสียแขน จริงไหม?
4. การผสมระเบิดผิดกฎหมายนะจ๊ะ คนที่จะทำคือคนที่ยอมผิดกฎหมายเพื่อความรู้ ถ้านิ้วหาย มือหายเอาผิดใครไม่ได้นะจ๊ะ
5. วัตถุระเบิดที่ผสมเสร็จแล้ว มีอายุและสภาพแวดล้อมการเก็บต่างกัน ถ้าใครผสมแล้วเก็บนาน อาจด้าน หรือคลังแสงหลังบ้านอาจหายไปในคืนต่อมา (ระเบิดเอง) ดังนั้นควรทดลองทันทีที่ทำเสร็จ และผสมแต่พอใช้ (อย่าลืม ผมไม่ได้เผยแพร่ให้เอาไปใช้ในงานสงครามหรือก่อวินาศกรรม ฉะนั้นระเบิดที่เอาขึ้น blog จะมีอายุสั้น ระเบิดง่าย ด้านง่าย อย่างใดอย่างหนึ่ง คนที่จะเอาไปก่อการจะทำได้ยากมาก (วิ่งๆอยู่ตูมใส่มือได้นะจ๊ะ) จึงควรทดลองว่ามันระเบิดได้จริงๆเพื่อเป็นการศึกษา แล้วพอเท่านั้น)
6. การผสมระเบิดต้องใช้ความรู้ทางเคมีสูง ผู้ที่จะศึกษาจริงจังควรเรียนสารเคมีในระดับมหาวิทยาลัยโดยตรง (ถึงผมจะเรียนอักษรก็ผสมได้ แลกกับความเสี่ยงที่ยินดีสละ)


วิธีทำ TNT ใน 15 ขั้นตอน!

1. ผสมกรดไนตริก 57% + ซัลฟิวริค 43% ลงในบิกเกอร์ แล้วผสมกรดซัลฟิวริค 76% + กรดไนตริก 23% + น้ำ 1% ลงในบิกเกอร์อีกอันหนึ่ง
2. เอาบิกเกอร์อีกอัน (ว่างๆ) วางไว้ในถาดน้ำแข็ง + น้ำ (ให้น้ำ+น้ำแข็งในอ่างสูงพอที่สามารถกดบิกเกอร์ให้จมลงไปในอ่างได้)
3. เทสารในบิกเกอร์ที่ 2 ลงไปในบิกเกอร์แช่น้ำแข็ง 10 กรัม
4. เททอลยูอีนลงไป 10 กรัม แล้วคนสารให้เข้ากันสัก 10 นาที
5. ยกบิกเกอร์ออกมาแล้วเอาไปให้ความร้อนจนถึง 50 องศาเซลเซียส คนให้สม่ำเสมอตลอดเวลาที่สารได้รับความร้อน อุณหภูมิต้อง 50 องศาพอดีเดี๊ยะ
6. เอาสารในบิกเกอร์ที่สองมา 50 กรัม แล้วเทใส่เข้าไปขณะที่สารในบิกเกอร์กำลังรับความร้อน ให้อุณหภูมิสูงขึ้นถึง 55 องศา แล้วจะมีน้ำมันก่อตัวขึ้นที่ผิวบนของสาร
7. คงอุณหภูมิไว้ที่ 55 องศาเป็นเวลา 12 นาที แล้วย้ายบิกเกอร์ไปลงอ่างน้ำแข็ง ให้อุณหภูมิลดลงถึง 45 องศา น้ำมันที่ผิวสารจะไปกองที่ก้นบิกเกอร์แล้วเราก็ดูดเอาสารออกให้หมด เหลือไว้แต่น้ำมันนั่นเท่านั้น
8. เอาสารในบิกเกอร์ที่สองของข้อแรกมาเพิ่มลงไปอีก 50 กรัม โดยเทลงไปบนน้ำมันที่เหลืออยู่ แล้วเอาไปให้ความร้อนที่ 83 องศา แล้วคงไว้ครึ่งชั่วโมง
9. เอาบิกเกอร์ออกมาใส่ถาดน้ำแข็งให้อุณหภูมิตกลงที่ 60 องศาแล้วคงไว้อีกครึ่งชั่วโมง คราวนี้จะมีน้ำมันเพิ่มขึ้นมากองที่ก้นบิกเกอร์ แล้วเราก็เดรนสารข้างบนออกเหมือนเดิม
10. คราวนี้เติมกรดซัลฟิวริคลงไป 30 กรัม แล้วเอาไปค่อยๆให้ความร้อน ย้ำว่าค่อยๆนะ ต้องทำให้สารมีอุณหภูมิ 80 องศา แต่ต้องค่อยๆเพิ่มอุณหภูมิอย่างช้าๆ
11. พอสารร้อนได้ที่ (80องศา) ให้เพิ่มสารจากบิกเกอร์แรกในข้อ 1 ลงไป 30 กรัม หลังจากนั้นเพิ่มอุณหภูมิเป็น 104 องศา! คงไว้อย่างนั้น 3 ชม.
12. หลังจากนั้นลดอุณหภูมิลงที่ 100 องศา แล้วคงไว้ 30 นาที
13. คราวนี้เราก็เดรนน้ำมันออกจากสารในบิกเกอร์ เอาลงไปล้างในน้ำอุ่น
14. คนน้ำที่เราเอาลงไปล้างอย่างสม่ำเสมอ สักพัก TNT ก็จะเริ่มแข็งตัวขึ้น
15. คราวนี้เทน้ำเย็นลงไปเลย TNT ที่แข็งตัวจะกลายเป็นสะเก็ดเม็ดๆ เอาไปเก็บ ใช้ ทำลายตามสบาย แต่ใช้อย่างระวัง!!!

*** อย่าลืม สัดส่วนต่างๆ ต้องผสมอย่างแม่นยำ % ต่างๆให้เป็น%ของ น้ำหนัก + ห้ามประมาณอุณหภูมิเอาเองเด็ดขาด ใครอ่อนเคมีห้ามลองทำ

ระเบิดพิฆาตคอมพ์ (รุ่นเก่า)

หลังจากไปฝึกในนรกมานานก็ได้กลับมาอีกครั้ง ตอนนี้เอาระเบิดกระจอกไปก่อนแล้วกัน ตอนนี้กำลังศึกษาเรื่องการก่อกวนและทำลายอยู่ แล้วยังต้องเรียนวิธีผลิตปืนอีกด้วย -*- มัเยอะจิงว้อย

วิธีทำระเบิดสำหรับพังคอมพิวเตอร์ ง่ายกว่าเขียนไวรัสชาร์จไฟเยอะเลย

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
1. ไม้ขีด 1 กล่อง
2. แผ่น A: 1.44 เม๊กฯ 3.5 นิ้ว
3. สีข้างกล่องไม้ขีด (ส่วนที่ใช้สีให้ไม้ขีดติดไฟ)
4. ตะไบเล็บ

วิธีทำ
1. ตะไบผงไม้ขีดออกจากตัวไม้
2. แก้ดิสก์ออกมา เก็บส่วนต่างๆไว้ให้ดี
3. ลอกแผ่นผ้าบางๆขาวๆออก
4. เอาแผ่นสีข้างของกล่องไม้ขีดไปแปะไว้บนแผ่นแม่เหล็ก (สีดำทั้งแผ่น ตรงไหนก็ได้)
5. เอาผงไม้ขีดไปโรยไว้ข้างๆ (ทับเลยก็ได้) แผ่นจุดไม้ขีด
6. เอาแผ่นเข้าไปประกอบกันให้เหมือนเดิม (ยากที่สุดในการทำระเบิดชนิดนี้เลยล่ะ -*-)
7. เอาไปให้เป้าหมายเปิดในคอมพ์

การทำงาน
เมื่อเป้าหมายทำอะไรสักอย่างให้ดิสก์เริ่มทำงาน เช่น เข้า my computer / โหลด a: / boot เครื่องจาก a: จากแม่เหล็กในดิสก์ก็จะหมุน ลากเอาแผ่นจุดไฟไปสีกับผงไม้ขีด แรงระเบิดแค่ไฟลุก 1 วินาที ความร้อนแค่พอลวกมือ แต่การที่ไประเบิดในช่อง A: จะทำให้แรงดันแรงขึ้นเยอะ พอที่จะเผา A: ได้ทันที และลามไปส่วนอื่นด้วย

วิธีเพิ่มคุณภาพ
เอางี้นะ เปลี่ยนหัวไม้ขีดเป็นไนโตรกรีเซอรีนละกัน พอร้อนๆเข้ามันก็ตูมเหมือนกัน แต่อย่ากระแทกแผ่นแรงล่ะ แหลกทั้งมือเลยนะ -*- ถ้าใช้ RDX ล่ะก็ ควรเพิ่มเข้าไปในชุดไม้ขีดด้วย เพื่อให้เมื่อไม้ขีดติดไฟ ไฟก็จะจุดระเบิดตัว RDX ต่อ ทำให้ระเบิด (อยากเห็นเครื่องคอมพฯกระโดดไหมล่ะ? ตอนทดสอบก็ใช้วิธีนี้แหละ เครื่องกระโดดดึ๋ง)

เอาไว้ดูเล่น เพื่อเกิดคิดสั้นขึ้นมาจะได้หาวิธีถูก

Credit: เว็บบิทแห่งหนึ่ง



ปล. ผมลองทำไปหลายอันละ



มันได้ผลจริงๆนะครับ

http://www.myfri3nd.com/board/view_topic.php?cate_id=2&post_id=3505

การสร้างทางรถไฟ

ทางรถไฟหมายถึงทางที่มีรางเหล็ก ๒ เส้น วางขนานต่อๆ กัน บนไม้หมอนซึ่งวางตั้งฉากกับราง ไม้หมอนวางอยู่บนชั้นของหินก้อนซึ่งมีขนาดประมาณ ๓ - ๖ ซม. โดยมีคันดินเป็นฐานรองรับ โดยทั่วๆ ไปทางรถไฟมักจะสร้างผ่านไปตามที่ราบ เช่น ทุ่งนาป่า หรือในพื้นที่ที่เป็นภูเขามีภูมิประเทศสูงๆ ต่ำๆ ติดต่อกันตั้งแต่ต้นทางไปจนสุดปลายทาง ทางที่ต่ำก็มีการถมให้สูงขึ้น ส่วนทางที่สูงก็อาจตัดดินเป็นช่องหรือเจาะเป็นอุโมงค์หรือถ้ำ เพื่อมิให้มีส่วนที่ลาดชันสูงเกินไป ซึ่งจะเป็นอุปสรรคทำให้รถจักรไม่สามารถลากจูงขบวนรถยาวๆ ขึ้นได้ เพราะความฝืดระหว่างล้อรถจักรกับรางมีน้อย ถ้าทางผ่านหุบเขา แม่น้ำ ลำคลอง ก็ทำเป็นสะพานข้ามไป สำหรับจุดมุ่งหมายในการสร้างทางรถไฟนั้นต้องมีการพิจารณาถึงประโยชน์และความสำคัญในด้านการคมนาคม การขนส่ง การเศรษฐกิจ การปกครอง และการยุทธศาสตร์ งานที่นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างทางรถไฟ คืองานสำรวจหาข้อมูลต่างๆ เช่น การสำรวจหาแนวทาง การวางแนวและการสำรวจทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้เพื่อจะให้ได้รับผลประโยชน์จากทางรถไฟที่จะสร้างขึ้นอย่างเต็มที่ ในสมัยก่อนงานสำรวจเป็นงานที่ลำบากมาก เพราะอุปกรณ์ที่จะให้ความสะดวกในการสำรวจเช่น แผนที่ สถิติต่างๆ เครื่องมือ เครื่องใช้ การคมนาคม ยานพาหนะ และยารักษาโรคยังไม่ดีเหมือนในสมัยปัจจุบัน ซึ่งระบบการสำรวจได้วิวัฒนาการจากเดิมไปมาก นอกจากนี้ปัจจุบันยังมีการสำรวจโดยทางอากาศได้อีกทางหนึ่ง ทำให้ผู้สำรวจทำงานได้รวดเร็วและสะดวกขึ้นมาก
การก่อสร้างทางรถไฟสมัยแรกยังไม่มีเครื่องมือกลทุ่นแรง งานส่วนใหญ่จึงทำโดยใช้แรงคน ส่วนในปัจจุบันมีการใช้เครื่องทุ่นแรงและเทคนิคใหม่ๆ ที่ทันสมัย เช่น ดินที่จะนำมาเป็นคันถนนรถไฟก็มีการเลือกเอาแต่ดินที่เหมาะสม ต้องมีการบดอัดให้แน่นเพื่อกันมิให้มีการยุบตัวได้ ความลาดชันของทางก็ต้องจำกัดไม่ให้มีมากนัก ทางโค้งก็ทำให้เป็นโค้งกว้างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่ออำนวยให้ขบวนรถสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงได้ตลอดทาง นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขโดยการเชื่อมรางให้ติดต่อกันเป็นท่อนยาวๆ รางเชื่อมนี้จะทำให้มีความยาวเท่าใดก็ได้ ซึ่งสมัยก่อนต้องมีการเว้นระยะหัวต่อรางทุกๆ ท่อนไว้เสมอ เพื่อให้รางสามารถขยายตัวได้เมื่ออากาศร้อน แต่ในปัจจุบันได้แก้ปัญหาเรื่องการยืดตัวหรือหดตัวของราง โดยการยึดรางให้ติดแน่นกับหมอนด้วยอุปกรณ์ชนิดหนึ่งเรียกว่า สมอ (anchor) หรือ คลิป (clip) อันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวรางแบบสปริง ในกรณีเช่นนี้ไม่ว่าอากาศจะร้อนหรือเย็นรางก็จะถูกบังคับให้มีความยาวคงที่ เพราะรางถูกยึดไว้แน่นแล้ว หมอนรองรางซึ่งแต่เดิมเป็นหมอนไม้ก็เปลี่ยนเป็นหมอนคอนกรีต การวางรางบนหมอนคอนกรีตจะมีแผ่นยางกันกระเทือนสอดรองรับไว้ ซึ่งจะช่วยลดความดังของเสียง และลดความกระเทือนลงไปได้มาก นอกจากนั้นรางเชื่อมยังช่วยให้รถสามารถวิ่งได้เรียบและเร็วขึ้นอีกด้วย
ปกติทางรถไฟจะมีทางๆ เดียว ใช้สำหรับขบวนรถวิ่งทั้งไปและมา ทางนี้เรียกว่าทางประธาน (main line) ขบวนรถที่วิ่งขึ้นและล่องนี้ย่อมต้องสวนกันหรือหลีกกันเป็นครั้งคราว จึงจำเป็นต้องจัดที่ไว้สำหรับขบวนรถหลีกเป็นระยะๆ เรียกว่า ทางหลีก (siding)ซึ่งปกติมักสร้างไว้ในเขตสถานี โดยมอบให้นายสถานีเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมรับผิดชอบ จุดที่ทางหลีกและทางประธานมาบรรจบกันนั้นมีแบบลักษณะของรางพิเศษเรียกว่า ประแจ(switch and crossing) ใส่ไว้สำหรับบังคับให้รถผ่านเข้าทางประธานหรือเข้าทางหลีกได้ตามความต้องการ บริเวณสถานีซึ่งประกอบด้วยทางประธานและทางหลีกทั้งหมดรวมกันเรียกว่า ย่านสถานี (station yard) ย่านสถานีที่ใหญ่มากๆ จึงมักเป็นที่รวมรถ และในวันหนึ่งๆ มีการสับเปลี่ยนรถเพื่อจัดขบวนเป็นจำนวนมาก เช่น ย่านพหลโยธินที่บางซื่อเป็นต้น เราเรียกย่านใหญ่นี้ว่า ย่านสับเปลี่ยน (marshalling yard) ตามย่านสถานีโดยทั่วไปจะมีประแจรูปร่าง แปลกๆ วางไว้เป็นจำนวนมาก วัตถุประสงค์ของประแจเหล่านี้ก็เพื่อให้รถสามารถวิ่งผ่านไปตามทางหลีกต่างๆ ตามต้องการด้วยการบังคับกลไกของประแจให้ขยับไปในท่าต่างๆ โดยใช้อุปกรณ์พิเศษ การบังคับจะรวมอยู่ที่ศูนย์อาคารกลางย่านสถานี เรียกว่า หอสัญญาณ เจ้าหน้าที่ผู้บังคับประแจเรียกว่า พนักงานสัญญาณ
ทางบางตอนที่มีขบวนรถเดินหนาแน่นมาก ถ้าหากจะให้มีทางประธานทางเดียวจะทำให้ขบวนรถเสียเวลาคอยหลีกมาก จึงแก้ปัญหาโดยการเพิ่มทางประธานให้มากขึ้น คือให้เป็นทางสำหรับรถเดินขึ้นทางหนึ่ง เรียกว่า ทางขึ้น (up line) สำหรับรถเดินล่องทางหนึ่งเรียกว่า ทางล่อง (down line) สถานีบางแห่งมีทางประธานแยกออกจากกันไปคนละทาง เช่น ที่สถานีชุมทางบ้านภาชีมีทางหนึ่งแยกไปเชียงใหม่ ส่วนอีกทางหนึ่งแยกไปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สถานีที่มีทางแยกดังนี้ เรียกว่า สถานีชุมทาง (junction) ทางที่แยกออกไปถ้าเป็นทางสายย่อยมีความสำคัญน้อย เช่น สายสวรรคโลก หรือสายกาญจนบุรี ก็เรียกทางนั้นว่า ทางแยก (branch line)
ทางรถไฟมีทั้งทางตรงและทางโค้ง ซึ่งเป็นไปตามลักษณะของภูมิประเทศ ดังนั้นจึงมีกำหนดเรียกลักษณะแนวทางต่างๆ เช่น ทางโค้ง (curve) ก็เรียกตามรัศมีความโค้ง(radius of curve) ของทาง เช่น ๑,๐๐๐-๒,๐๐๐ เมตร ทางที่โค้งแคบที่สุดที่ใช้อยู่ในขณะนี้มีรัศมีเพียง ๑๕๖ เมตร
สำหรับทางลาดชัน (gradient หรือ grade) นั้นเราเรียกเปรียบเทียบระหว่างระยะตามแนวตั้งกับระยะตามแนวนอน ๑,๐๐๐ มม. (๑ เมตร) เช่น ลาดชันมีระยะแนวตั้งวัดได้ ๕ มม. ต่อระยะใน แนวนอน ๑,๐๐๐ มม. เราเรียกลาดชันนี้ว่า ๕%. หรือ ๕ เปอร์มิลถ้าตัวเลขลาดชันมากขึ้นเท่าใด ความชันก็ยิ่งมีมากเท่านั้น การรถไฟไทยมีลาดชันสูงสุด๒๖%. อยู่ที่ระหว่างสถานีแม่ตาลน้อยกับสถานีขุนตาลในทางรถไฟสายเหนือ
ขบวนรถไฟเมื่อวิ่งเข้าทางโค้งจะมี แรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลาง (centrifugal force)เกิดขึ้น ถ้าหากไม่มีการปรับระดับรางให้เหมาะสมกับแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางแล้วอาจจะทำให้รถตกรางได้ จึงจำเป็นต้องมีการยกระดับรางรถไฟที่อยู่ในทางโค้งด้านนอกให้สูงกว่ารางด้านใน การยกระดับนี้เรียกว่า ยกโค้ง (cant) สำหรับความเร็วขบวนรถคันหนึ่งถ้ารัศมีโค้งยิ่งแคบเท่าใด การยกโค้งก็ต้องมีมากขึ้น และในกรณีที่โค้งมีความแคบมาก ความเร็วขบวนรถจะต้องลดลงด้วย ฉะนั้น ทางรถไฟที่ก่อสร้างในสมัยหลังจึงพยายามสร้างให้มีรัศมีโค้งกว้างมาก และจำกัดความลาดชันให้มีแต่น้อย ขบวนรถจึงสามารถทำความเร็วได้สูงหรือรถจักรสามารถลากขบวนรถได้ยาวขึ้น ซึ่งค่าก่อสร้างจะสูงมากในระยะแรก แต่อาจจะได้ผลคุ้มค่าในระยะยาว
สำหรับการบำรุงรักษาทางนั้น เนื่องจากขบวนรถโดยสารและขบวนรถสินค้ามีจำนวนเพิ่มขึ้น พิกัดบรรทุกมากขึ้น และวิ่งด้วยความเร็วสูงขึ้นกว่าเดิม จึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือเครื่องใช้ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้นกว่าเดิม เช่น การนำเครื่องมือกลมาใช้ในการอัดหินเพื่อปรับระดับ เป็นต้น
หลักสำคัญของการบำรุงรักษาทางรถไฟ คือ
๑. ให้ระดับของรางทั้ง ๒ ข้าง ต้องเสมอกันในทางตรง และยกโค้งให้ถูกต้องในทางโค้ง
๒. แนวทางในทางตรงต้องตรง ไม่คดไปมา และต้องโค้งได้รูปในทางโค้ง
๓. ระยะห่างระหว่างราง ๒ เส้น ต้องถูกต้อง รถจึงจะวิ่งได้เรียบและปลอดภัย
ในการสำรวจเพื่อสร้างทางรถไฟนั้นต้องมีการหาแนวทางที่ดีที่สุดและประหยัดที่สุดถ้าพื้นที่ใดเป็นบริเวณภูเขาก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยง ทั้งนี้เพราะการสร้างทางผ่านภูเขานั้นทำลำบาก และค่าก่อสร้างก็สูงกว่าการสร้างทางในทางราบมาก เว้นไว้แต่มีความจำเป็นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในบางกรณีก็ใช้วิธีเจาะเป็นช่องเข้าไปในภูเขา เพื่อให้ขบวนรถลอดผ่านภูเขาไปสู่จุดหมายปลายทางได้ ช่องทางรถไฟที่ถูกสร้างขึ้นโดยให้ลอดไปใต้ภูเขานี้เรียกว่า อุโมงค์ (tunnel) ในปัจจุบันมีอุโมงค์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นทางรถยนต์และทางรถไฟหลายแห่ง ในต่างประเทศมีการสร้างอุโมงค์ลอดลงไปใต้ดิน บางแห่งก็สร้างอุโมงค์จากเกาะหนึ่งลอดลงไปใต้ทะเลแล้วไปโผล่ขึ้นที่อีกเกาะหนึ่ง สำหรับทางรถไฟทุกสายในประเทศไทยมีอุโมงค์อยู่ทั้งสิ้นรวม ๖ แห่ง ล้วนแต่เป็นอุโมงค์ลอดภูเขาทั้งสิ้น คือ
ทางสาย ชื่ออุโมงค์ ระหว่างสถานี ความยาว (เมตร)
เหนือ

"

"

"

ใต้

ตะวันออกเฉียงเหนือ


ปางตูมขอบ

เขาพลึง

ห้วยแม่ลาน

ขุนตาล

ร่อนพิบูลย์

เขาพังเพย


ปางต้นผึ้ง-ห้วยไร

" "

บ้านปิน-ผาคัน

แม่ตาลน้อย-ขุนตาล

ช่องเขา-ร่อนพิบูลย์

โคกคลี-ช่องสำราญ


๑๒๐

๓๖๒

๑๓๐

๑,๓๕๒

๓๓๕

๒๒๕



อุโมงค์ที่ยาวที่สุดของการรถไฟฯ คือ อุโมงค์ขุนตาล อยู่ที่อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ระหว่างสถานีแม่ตาลน้อย-ขุนตาล มีความยาว ๑,๓๕๒ เมตร การก่อสร้างใช้เวลาทั้งสิ้น ๑๑ ปี วิศวกรชาวเยอรมันผู้มีหน้าที่อำนวยการเจาะอุโมงค์นี้คือ นายเอมิล ไอเซนโฮเฟอร์ (Emil Eisenhofer) ซึ่งบัดนี้ถึงแก่กรรมไปแล้ว และได้มีการสร้างอนุสาวรีย์เล็กๆไว้เป็นอนุสรณ์ที่บริเวณปากอุโมงค์ขุนตาลด้านเหนือใกล้กับสถานีขุนตาล ซึ่งผู้ที่นั่งรถไฟผ่านไปมาจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน

http://guru.sanook.com/enc_preview.php?id=654

การผลิตหนังสือการ์ตูน

ชื่อเรื่อง รายงานผลการผลิตและการใช้หนังสือการ์ตูนประกอบการสอนชุด    เสริมเรียนรู้ หนูทำได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 
ชื่อผู้วิจัย   นางธีติมา   พิสิฐพิพัฒนา
ปีที่ดำเนินการ  2552


บทคัดย่อ


                การรายงานผลครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างและพัฒนาหนังสือการ์ตูนประกอบการสอนชุด เสริมเรียนรู้ หนูทำได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ที่มีประสิทธิภาพสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่  2   และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการใช้ หนังสือการ์ตูนประกอบการสอน ชุด เสริมเรียนรู้ หนูทำได้  กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
 ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาลวัดไทรอารีรักษ์  (มณีวิทยา)  อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี  รวมทั้งสิ้น  125  คน 
                เวลาที่ใช้ในการทดลองจำนวน 19 ชั่วโมง    ดำเนินการทดลองโดยใช้แบบแผนการวิจัย แบบมีการสอบก่อนและหลังการทดลอง
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า  คือ
      1. หนังสือการ์ตูนประกอบการสอนชุด เสริมเรียนรู้ หนูทำได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ที่มีประสิทธิภาพ คือ
       หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 งานบ้าน  เรื่อง  บ้านน่าอยู่ หนูทำได้  เป็นหนังสือการ์ตูนที่ใช้ประกอบการเรียนการสอน ที่เน้นพัฒนาทักษะการอ่านทำนักเรียนรู้และเข้าใจ เรื่องของการทำงานบ้าน การช่วยเหลือซึ่งกันและกันภายในครอบครัว เช่น การทำความสะอาดบ้าน    การจัดเก็บบ้าน การจัดเก็บหนังสือ  การจัดเก็บอุปกรณ์การเรียน การจัดเก็บของเล่น และ การจัดโต๊ะอาหาร ตลอดจนแสดงให้ถึงความผูกพันของบุคคลในครอบครัวทำให้ทุกคนมีความสุข
      หน่วยการเรียนรู้ 2  เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย  เรื่อง   สบาย สบายแต่งกายงาม เป็นหนังสือที่มีลักษณะการจัดกิจกรรมเพื่อให้นักเรียนเข้าใจ เรื่องเกี่ยวกับเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย เช่น การดูแลรักษา การทำความสะอาด ประโยชน์ของ เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย เสื้อผ้าที่สวมใส่ตามฤดูกาลรวมถึงวิธีการจัดเก็บเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายอื่น ๆ  ด้วย
      หน่วยการเรียนรู้ 3  อาหารและโภชนาการ เรื่อง  อาหารดีมีสุขภาพ  เป็นหนังสือการ์ตูนที่ใช้อ่านประกอบในบทเรียน ทำให้นักเรียนเข้าใจ เรื่อง การจัดเตรียมอาหาร การเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์  อาหารกับพืชสมุนไพรความหมายและประโยชน์ของพืชสมุนไพร  รวมถึงพืชผักสวนครัวที่ปลอดสารพิษ
      หน่วยการเรียนรู้ 4  งานเกษตร เรื่อง  เที่ยวบ้านสวน เป็นหนังสือการ์ตูนที่ใช้ประกอบการเรียนการสอน มีเนื้อหาสอดคล้องในบทเรียน ทำให้นักเรียนเข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ของคนบ้านสวน ความรัก ความผูกพันของคนในครอบครัว ที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับ ความหมาย  ความสำคัญ ประโยชน์ของพืชสมุนไพรและพืชผักสวนครัว รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่อย่างเศรษฐกิจพอเพียง
      หน่วยการเรียนรู้  5   งานช่าง งานประดิษฐ์  เรื่อง  หนูทำได้ง่ายนิดเดียว เป็นหนังสือการ์ตูนประกอบการสอนที่แสดงให้เห็นถึงการนำวัสดุที่เหลือใช้ นำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกเป็นการลดมลพิษของสิ่งแวดล้อมที่เป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ  ที่เราทุกคนควรช่วยกันดูแล รักษา 
      หน่วยการเรียนรู้  6   การติดต่อสื่อสาร  เรื่อง ข่าวสารทันโลก เป็นหนังสือการ์ตูนที่ใช้ประกอบการเรียนการสอนที่แสดงให้เห็นถึงโลกแห่งการติดต่อสื่อสาร การรับข้อมูลข่าวสารได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เข้าใจในความหมายและความสำคัญของเทคโนโลยี เช่น การสื่อสารทางโทรศัพท์  รวมถึงคอมพิวเตอร์   
     2.  แผนการจัดการเรียนรู้   เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ใช้ในการประกอบสอนกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี โดยใช้หนังสือการ์ตูนประกอบการสอนชุดเสริมเรียนรู้ หนูทำได้ สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2  จำนวน 19  ชั่วโมง
     3.  แบบทดสอบก่อนและหลังเรียนเป็นแบบทดสอบที่เป็นแบบปรนัยชนิด  3  ตัวเลือก  จำนวน  30  ข้อ  ได้รับการตรวจจากผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่าน มีค่าดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 0.93
     4.  แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังสือการ์ตูนประกอบการสอนชุดเสริมเรียนรู้ หนูทำได้  มีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5   ระดับ  จำนวน  10  ข้อ
 การวิเคราะห์ข้อมูลโดย
      1. ประเมินหาคุณภาพของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชากลุ่มสาระการเรียนรู้งานอาชีพและเทคโนโลยี หาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างความเหมาะสมและความถูกต้องของเนื้อหา (IOC) ได้ค่าดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ  0.93  
      2.  หาประสิทธิภาพของหนังสือการ์ตูนประกอบการสอนชุดเสริมเรียนรู้ หนูทำได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี  ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2  ใช้การหาประสิทธิภาพ E1/E2 กับนักเรียนที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง   แบบเดี่ยว ได้ค่าประสิทธิภาพ  71.67/74.44   แบบกลุ่มย่อย ได้ค่าประสิทธิภาพ 75.18/76.11   และแบบภาคสนาม 81.22/87.72 
      3.  คะแนนเฉลี่ย   (X)    เพื่อหาค่าเฉลี่ยของคะแนนจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์  ของนักเรียน และค่าเฉลี่ยของคะแนนการตอบแบบสอบถามความคิดเห็น
      4.  ใช้โปรแกรม   SPSS for Window      ในการทดสอบค่าทีแบบกลุ่มไม่อิสระ  (t – test  for dependent samples)  
 ผลการวิจัยสรุปว่า
      1.  ผลการพัฒนา และหาประสิทธิภาพของหนังสือการ์ตูนประกอบการสอนชุดเสริมเรียนรู้ หนูทำได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี  สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2    พบว่า ค่าประสิทธิภาพแบบเดี่ยวเท่ากับ 71.67/74.44     ค่าประสิทธิภาพแบบกลุ่มย่อยเท่ากับ 75.18/76.11    ค่าประสิทธิภาพแบบภาคสนามเท่ากับ 81.22/87.72  ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ กล่าวคือ ค่าประสิทธิภาพแบบเดี่ยวและค่าประสิทธิภาพแบบกลุ่มย่อย  คือ 70/70และค่าประสิทธิภาพแบบภาคสนาม  คือ 80/80  แสดงให้เห็นว่าหนังสือการ์ตูนประกอบการสอนชุดเสริมเรียนรู้ หนูทำได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี  สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2  ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ
      2.  ค่าเฉลี่ยของคะแนนทดสอบหลังการใช้หนังสือการ์ตูนประกอบการสอนชุดเสริมเรียนรู้ หนูทำได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2  สูงกว่าค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนการใช้หนังสือการ์ตูนประกอบการสอนชุดเสริมเรียนรู้ หนูทำได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี  ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05    
mam-pisit@msn.com





http://www.vcharkarn.com/vcafe/173755

การทำตัวให้เป้นประโยชน์

ทำอะไร คือการทำเพืื่อส่วนรวม ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ [1]
คะแนน: 100 ปิดแล้ว 10 คำตอบ มีการดู 1073 ครั้ง
5

empty 9 เม.ย. 2552, 20:10:30 แจ้งการละเมิด บอกกันคนละข้อ

คำตอบที่ดีที่สุด 4
ollo 9 เม.ย. 2552, 21:04:54 แจ้งการละเมิด ทำให้คนอื่นยิ้มครับ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว
คำตอบอื่นๆ จัดเรียงตามเวลา จัดเรียงตามการลงคะแนน
6
เลปตอน 9 เม.ย. 2552, 20:14:53 แจ้งการละเมิด ทำคววมดีไงครับ เอาแบบผมก็ได้นะ แต่ถ้าไม่ไหวก็เอาเป็นบางอย่าง
1. บริจาคอาหารสัตว์ตามสถานเลี้ยงสัตว์จร
2. บริจาคข้าวสารเดือนละ 1 กส.ที่บ้านเด็กกำพร้า
3.ปลูกป่าชายเลน กะไปทำฝายชะลอน้ำ
4.เข้าวัดทุกวันอาทิย์
สุดท้ายที่ผมชอบดำเนินชีวิตแบบ "องค์พ่อหลวง" เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงนะครับ (กินเจไม่รู้ใช่ป่าวเลยไม่ลง)
6
Hexapod 9 เม.ย. 2552, 20:18:38 แจ้งการละเมิด ไม่ไปชุมนุมประท้วง ปิดรัฐบาล

หรือที่โน่นที่นี่ เพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรือบางคน
6
หวังดี 9 เม.ย. 2552, 20:20:37 แจ้งการละเมิด ผมหรอครับ ไม่เอาเปรียบคนอื่นครับ ให้เกีตรผู้หญิงและคนแก่ครับ
5
july 9 เม.ย. 2552, 20:45:54 แจ้งการละเมิด ไม่เห็นแก่ตัว และ ไม่ใช้อำนาจ ค่ะ^^
4
CARE 9 เม.ย. 2552, 22:16:51 แจ้งการละเมิด ไม่ทำตัวให้เป็นปัญหา ประเทศชาติก็ได้ประโยชน์แล้วครับ
มารับคะแนน
3
yawaiam 9 เม.ย. 2552, 23:08:43 แจ้งการละเมิด เสนอความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์
เพื่อการพัฒนาร่วมกัน
2
yawaiam 10 เม.ย. 2552, 1:41:25 แจ้งการละเมิด แวะมาขอบคุณที่คุณ empty ให้ "คำตอบที่ดีที่สุด" กับข้าพเจ้า
สำหรับคำถาม "มีหนังสือกี่เล่ม ที่บ้าน"
คำถาม "ชอบฟังเพลงอะไร"
คำถาม " ยิ้มบ่อยไหม เพราะใคร"
และคำถาม " ชอบร้องเพลงไหม ร้องเก่งไหม"
ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
2
ลิดา 10 เม.ย. 2552, 9:06:29 แจ้งการละเมิด ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ทำให้สังคมวุ่นวาย เดือดร้อน
แค่นี้ก็เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติแล้ว
1
หมามุ่ย 10 เม.ย. 2552, 9:33:13 แจ้งการละเมิด ----จ่ายภาษี----



http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=4584d2afc6cbecfe

การดำรงชีวิตของพืชเเละสัตว์

นโยบายและยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติ (พ1.1 การวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาการผลิตพืชเศรษฐกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและนำไป ... สู่การแข่งขันและการพึ่งพาตนเอง เช่น สุกร โคเนื้อ โคนม สัตว์ปีก แพะ เป็นต้น ..... ผลที่คาดว่าจะได้รับ : ลดปัญหาความยากจน ประชาชนสามารถดํารงชีวิตได้อย่างมั่นคง ... ผลที่คาดว่าจะได้รับ : คุณภาพชีวิตของประชาชนและระบบการจัดการสาธารณสุขดีขึ้น ...
appendix2.doc - Search นโยบายและยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติ


รายงานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ เดือนมกราคม 2546นายอนันต์ สุนทรเกษมสุข ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยพืชสวนลำปาง. 83. นายปรีชา วงศ์ศรี รุ่งพัฒนา แทนผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ลำปาง ... นายสกล กาญจนวงศ์ แทนผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำปาง ..... ผลการดําเนินงานโครงการงบประมาณประจําป 2552 แผนงานบริหารจังหวัด ... ผลผลิตที่ 2 ดานสังคมและคุณภาพชีวิต จํานวน 42 โครงการ ...
report.doc - Search รายงานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ เดือนมกราคม 2546


ตำนานกษัตริย์ตอนที่ 10 : พลเอกเปรม นายกของพระเจ้าอยู่หัวตัวจริงคึกฤทธิ์แทน ทำให้ต้องมีการโปรดเกล้าฯให้นายกเกรียงศักดิ์และพลเอกเปรมเข้าเฝ้าฯที่ เชียงใหม่ใน ...... กองทัพทำการพัฒนาแหล่งน้ำ แนะนำพันธุ์พืช และให้เงินอุดหนุน เกษตรกร ... ชุมชนพร้อมด้วยโรงพยาบาลและโรงเรียนก็อุบัติขื้น ภายใต้การดูแลของพระสง ฆ์์ .... นั้นล้มเหลวในการหลอมรวมคนในชาติ เพราะมันไม่เชื่อมโยงกับชีวิตของประชาชน ...



http://documentbook.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B8%8A%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C-doc.html

การดำรงชีวิตของชาวนา

บทเรียนสําเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยา
การดํารงชีวิตของพืช. เล่มที่ 1 โครงสร้างของพืช. เล่มที่ 2 ปัจจัยในการเจริญเติบโต . เล่มที่ 3 ปัจจัยในการสังเคราะห์ด้วยแสง. เล่มที่ 4 วัฏจักรชีวิตของพืชและ ...
krisanaprogrammedlesson.pdf - Books บทเรียนสําเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยา

หลักการพัฒนาผลิตภัณฑ์
1. การดํารงชีวิตของมนุษย์. 1.1 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเลือกซืออาหาร ... 3.2 ภูมิอากาศ. 3.3 คุณภาพของสินค้าเกษตร. 3.4 การปรับปรุงพันธุ์พืช/สัตว์ ...
�Ѳ�Ҽ�Ե�ѳ��-˹������¹��� 1.pdf - Books หลักการพัฒนาผลิตภัณฑ์

เทคนิคการลดต้นทนการผลิตข้าว ุ
ชาวนาไทยต้องประสบกบปัญหาในการดํารงชีวิต. ั. เป็นอยางมาก ได้แก ... การลดต้นทุนการ ผลิตข้าวให้ได้ผลอยางแท้จริงนัน ปัจจัยสําคัญอยูที การปรับเปลี ยนวิธีคิดจากการ ... ไถกลบลงดินในชวงกอนฤดูทํานา คือการไถกลบสวนตาง ๆ ของพืชที ...
rice.pdf - Books เทคนิคการลดต้นทนการผลิตข้าว

การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตรแล
พฤติกรรมการเรียนการสอนเป็นปัจจัยที สําคัญอันหนึ ง ที มีอิทธิพลต่อ .... ในการดํา รงชีวิตของพืชและสัตว์ เรื อง โครงสร้าง หน้าที และส่วนประกอบของเซลล์ ...
Chularrat_T.pdf - Books การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตรแล

Agricultural Systems Development in Songkhla lake Basin
การเกษตร 1กษตรกร£)การจัดระบบ1กษตรกรรมตามความเหมาะสมของสภาพพึ้นทึ๋1เละการตั้ง ... เปลึ่ยนแปลงไป ส่งผลต่อระบบกลไกทางธรรมชาติทึ่เป็นปัจจัยสําคัญในวิถีการผลิตแบบดั้ง เดม ... ปศุสัตว์ โดยทั่วไปเเล้วแต่ละครัวเรือนจะมีข้าวเป็นหลักประกันการดํารงชีวิต ... ผลเลอกพืชทึ่ปลูกด้วยเมล็ดแล้วเปลี่ยนหยอดในแปลง หรือปลูกพืชทนนํ๋า เช่น ...
1466.pdf - Books agricultural systems development songkhla lake basin

การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณการส่ง
การศึกษาคนควาดวยตนเองเปนสวนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรบริหารธุรกิจ มหาบัณฑิต ..... เปนสินคาบริโภคที่มีความสําคัญตอการดํารงชีวิตประจําวันก็ตาม แตปริมาณการสง ..... ขาว หมายถึงพืชลมลุกตระกูลหญาที่สามารถกินเมล็ดได ...
216539.pdf - Books การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณการส่ง

การศึกษาปัจจัยสิ่งแวดล้อมต่อความหลากหลายทา
นางพรรณวดี ธํารงหวัง. นักวิชาการปาไม8ว ผูรวมโครงการวิจัย ... สํานัก อนุรักษและจัดการตนน้ํา กรมอุทยานแหงชาติสัตวปา และพันธุพืช ... 3. สร างแบบจําลองเพื่อประเมินคาคุณภาพชีวิตของประชาชน. ผลการดําเนินงาน ...
3.pdf - Books การศึกษาปัจจัยสิ่งแวดล้อมต่อความหลากหลายทา

การศึกษาปัจจัยและผลสัมฤทธิ์ในการจัดการศึกษ
2-1 แสดงปริมาณการผลิตน้ํามันพืชและไขสัตว17 ชนิดของโลก ระหวาง ป ...... ขั้น ตอนวัฎจักรชีวิตครอบครัว อาชีพ โอกาสทางเศรษฐกิจ การศึกษา รูปแบบการดํารงชีวิต ...
4720880030.pdf - Books การศึกษาปัจจัยและผลสัมฤทธิ์ในการจัดการศึกษ



http://documentonline.net/pdf/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B8%8A(%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2)/

เเนะนำกลอนรัก

กลอนรักเเละกลอนตลกมีเยอะมากขอบอก
ยิ้มให้เธอทำไมไม่ยิ้มตอบ
หรือไม่ชอบก็บอกอย่าหลอกฉัน
ยิ้มให้เธอเมื่อยแก้มเกือบทั้งวัน
หรือว่าฟันเธอหลอก็บกมา




ผู้ชายปากหมา
เจอมานับแสน
บอกไม่มีแฟน
ที่ขวงแขน
แฟนหรือหมา


วันนี้!ชั่งเงียบเหงา
ตรงนี้ที่เก่าเคยมีเธอเคียงข้าง
อบอุ่นในหัวใจไม่อ้างว้าง
มีกำลังใจเดินบนโลกกว้างอย่างมั่นใจ
แต่มาวันนี้เธอกล่าวคำล่ำลา
เธอพูดออกมาอย่างง่ายๆ
พูดมาว่าอยากขอร้างลาไป
และอยากให้ฉันพบคนใหม่ใครๆที่ดีๆ
เธอจะให้ฉันทำอย่างไร
ในเมื่อฉันรักเธอหมดใจอย่างนี้
ทุ่มเทหมดใจไม่ยั้งหัวใจเลยสักที
ไม่คิดว่าจะมี "วันที่เสียน้ำตา"


ได้เจอกันในวันนั้น
ฉันเก็บไปฝันเธอรู้ไหม
นั่งคิดนอนคิดอยู่ร่ำไป
รู้ว่าในใจแอบชอบเธอ
เธอจะรู้บ้างหรือเปล่า
ว่าคนขี้เหงาแอบห่วงหา
อยากเจออยากสบตา
เหมือนวันที่ผ่านมาดังเดิม



คิดถึงจังเลยวันนี้
อยากเห็นหน้าคนดีรู้ไหม
คิดถึงจนแทบขาดใจ
จึงฝากดาวใส ใสมาบอกเธอ



ขอโทษนะคนดี
คำแก้ตัวเราไม่มีอะไรทั้งนั้น
เอาเป็นว่าเราผิดล่ะกัน
แต่ฉันก็ยังรักคนดี
ถึงเธอจะโกรธฉัน
ขอโทษล่ะกันสำหรับครั้งนี้
ครั้งต่อไปคงไม่มี
เพราะชีวีคงเหลือเท่านี้เอง



รักเธอมากขนาดไหนเธอคงรู้
เธอจะอยู่ในใจฉันฉันเท่านั้น
ถึงแม้ว่าเธอนั้นคิดจะหลอกกัน
แต่ฉันนั้นยอมโดนหลอกอย่างเต็มใจ




นาน แล้วน่ะที่เรา
ห่าง-ห่างกันอย่างนี้
หากจะไปก็บอกกันก่อน
อย่าให้ฉันหวังลมแล้งๆอย่านี้
เพราะหากเป็นเช่นนี้ต่อไป
ผู้หญิงอย่างฉันอาจจะทำอะไร-อะไร
ที่คนอย่างเธอคิดไม่ถึงก็ได้





คิดถึงเธอคิดถึงมาก อยากเห็นหน้า
คิดถึงเธอคิดถึงมาก เธออยู่ไหน
คิดถึงเธอคิดถึงมาก แทบขาดไจ
คิดถึงเธอคิดถึงมาก ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้เจอ




...วันนั้นฉันคิด..ฉันฝัน...
...วันนี้แม้นไม่เป็นเช่นหวังไว้...
...วันหน้ายังคงหวังอยู่ในใจ...
...วันไหนๆ คงไม่สิ้น..วิ่งสู่ฝัน.....



รักนิดหน่อย ไม่น้อยนัก รักไม่น้อย
นั่งตาลอย คอยเฝ้า เจ้ามาหา
คอยเช้าค่ำ ย่ำรุ่ง ยังไม่มา
พี่ยามขา เมื่อไหร่หนา จะออกเวร...



รักกันสักนิดได้ไหม
เพียงแค่ใจรู้สึกดี
ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตนี้
เคยมีกันและกัน




ใจละเมอไปรักเธอ
ใจมันเพ้ออยู่ทุกวัน
อยากให้เธอรักฉัน
ทุกๆวันก็สุขใจ




เพราะรักหรอกจึงหยอกเล่น
ไม่ได้เป็นดั่งคำที่เขากล่าวขาน
หากขาดเธอฉันก็อยู่ได้ไม่นาน
ฉันต้องตายวายปรานในที่สุด




ล้มทั้งยืนไม่อาจฝืนเมื่อเธอบอก

ว่าให้ออกไปจากชีวิตฉัน

ต่อจากนี้และในทุกคืนวัน

เธอกับฉันไม่มีวันจะหวนคืน



www.google.com

การผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า

การใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพนั้น มีหลักอยู่ว่า เมื่อมีความจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าแล้ว ทำอย่างไรการใช้ไฟฟ้านั้นจึงจะเป็นการใช้ไฟฟ้าที่คุ้มค่า ประหยัดค่าไฟฟ้า และเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะต้องเริ่มต้นตั้งแต่รู้จักวิธีการเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพให้เหมาะสมต่อการใช้งาน ตลอดจนมีความรู้ความเข้าใจในเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างถ่องแท้จึงจะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างถูกวิธีได้ การใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะเป็นการช่วยประหยัดพลังงานแล้ว ยังมีผลดีต่อส่วนรวมของประเทศในแง่ของการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ไฟฟ้านั้นมีประโยชน์มากมายก็จริงแต่ในเวลาเดียวกันก็มีอันตรายอยู่ในตัวของมันเอง ถ้าใช้ผิดวิธีก็อาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เพราะความประมาทหรือเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย อาจนำมาซึ่งความหายนะและความสูญเสียต่าง ๆ แม้กระทั่งชีวิตของผู้ใช้ไฟฟ้าเอง ผู้ใช้ไฟฟ้าจึงมีความจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัยควบคู่ไปด้วย

ข้อควรปฏิบัติในการใช้ไฟฟ้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย
1.หากสามารถเลือกได้ ควรตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่าจ้างบริษัท หรือช่างที่จะดำเนินการออกแบบ และเดินสายติดตั้งระบบไฟฟ้าว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ความรู้ความชำนาญแล้วเท่านั้น
2.อุปกรณ์การติดตั้งทางไฟฟ้าต้องเป็นชนิดที่ได้รับการรับรองจากมาตรฐานต่าง ๆ เช่น สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) , UL , VDE , IEC เป็นต้น
3.การเดินสายและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า ต้องเป็นไปตามกฎการเดินสายและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวงฉบับล่าสุด
4.ก่อนใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ผู้ใช้ต้องอ่านและศึกษาคู่มือแนะนำการใช้งานให้เข้าใจและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
5.เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีเปลือกหุ้มภายนอกทำด้วยโลหะทุกชนิดหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อาจมีไฟฟ้ารั่วมากับน้ำ หากไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภท 2 หรือ ประเภท 3 แล้ว จำเป็นต้องมีการต่อสายดินของเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้ากับระบบสายดิน หมายถึงท่านจะต้องมีการติดตั้งระบบสายดินที่ถูกต้องภายในบ้าน และใช้เตาเสียบชนิดมีขั้วสายดินกับเต้ารับชนิดมีขั้วสายดินที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ เช่น ตู้เย็น เตารีด หม้อหุงข้าว เตาไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า หม้อต้มน้ำร้อน กะทะไฟฟ้า เครื่องทำน้ำอุ่น เตาไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
6.เมื่อร่างกายเปียกชื้น ห้ามแตะต้องส่วนที่มีไฟฟ้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นอันขาด เพราะอาจมีไฟรั่วและความต้านทานต่อไฟฟ้าของผิวหนังที่เปียกชื้นจะลดลงอย่างมาก ทำให้กระแสไฟฟ้าสามารถไหลผ่านร่างกายได้โดยสะดวก อาจทำให้เสียชีวิตได้ ข้อแนะนำในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าขณะที่ร่างกายเปียกชื้น เช่น การใช้เครื่องทำน้ำอุ่นในการอาบน้ำ นอกจากจะต้องติดตั้งสายดินแล้ว จะต้องติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่วเพื่อเสริมการทำงานของสายดินให้ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วย
7.ในการเดินสายไฟหรือลากสายไฟไปใช้งานนอกอาคารเป็นการชั่วคราวหรือถาวร เช่น งานก่อสร้าง, ต่อเติม, ปรับปรุงนอกอาคาร นอกจากอุปกรณ์ไฟฟ้าและสายไฟฟ้าต้องเป็นชนิดที่กันน้ำและทนทานต่อสภาวะแวดล้อมทางกลและแสงแดดแล้ว วงจรไฟฟ้าหรือเต้ารับนั้นต้องมีเครื่องตัดไฟรั่วด้วยจึงจะปลอดภัย
8.ควรแยกวงจรไฟฟ้าที่น้ำอาจท่วมถึง เช่น บริเวณชั้นล่างของอาคาร เพื่อให้สามารถปลดไฟออกได้ทันทีเมื่อเกิดน้ำท่วมหรืออาจป้องกันวงจรที่แยกออกนี้ด้วยเครื่องตัดไฟรั่วก็ได้
9.หมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ติดตั้งทางไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง




http://www.mea.or.th/apd/2/2.htm

การผลิตรถยนต์

การผลิตรถยนต์ โดย นายวัชระ พรรณเชษฐ์

ประเทศไทยเริ่มมีการนำรถยนต์เข้ามาใช้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ รถยนต์ที่นำเข้ามาใช้ในระยะแรกต้องบรรทุกเรือเดินสมุทรมาจากต่างประเทศ ซึ่งส่วนมากจะมาจากทวีปยุโรปการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยได้เริ่มขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๕ และได้มีการพัฒนา อย่างต่อเนื่องจนสามารถผลิตเพื่อการส่งออกได้ในปัจจุบันที่จะเข้าสู่กระบวนการผลิตรถยนต์จะกล่าวถึงส่วนประกอบของรถยนต์โดยสังเขปเพื่อให้เข้าใจถึงหน้าที่และประโยชน์ของส่วนประกอบนั้นๆ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ ได้ดังนี้

ตัวถัง เช่น หัวเก๋ง ประตู ฝากระโปรง โครงหลังคา กระบะ ฝาท้าย กันชน เป็นต้น จะมีหน้าที่ในการห่อหุ้มและป้องกันสิ่งแปลกปลอมจากภายนอกที่จะเข้ามารบกวน สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลและทรัพย์สินที่อยู่ภายในรถยนต์ รวมถึงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ผู้เป็นเจ้าของด้วย

แชสซีส์และช่วงล่วง เช่น แชสซีส์ แหนบ สปริง โช้กอัพ ปีกนก คันบังคับ คันเร่ง เบรก เป็นต้น มีหน้าที่หลักในการรองรับส่วนประกอบทั้งหมดของรถยนต์ และช่วยลดความสั่นสะเทือนที่จะไปกระทบต่อผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมถึงสัมภาระต่างๆ ด้วย

เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง เช่น เครื่องยนต์ เพลากลาง เพลาขับ เฟืองท้าย ล้อ เป็นต้น มีหน้าที่ในการแปลงพลังงานเชื้อเพลิง เช่น น้ำมัน ใช้เป็นพลังงานกล และถ่ายทอดไปขับเคลื่อนรถยนต์

อุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ระบบสายไฟฟ้าของส่วนต่างๆ ไดสตาร์ต ไดชาร์จ แบตเตอรี่ ไฟหน้า ไฟหลัง ไฟเบรก ไฟเลี้ยว เป็นต้น มีหน้าที่ในการเชื่อมโยงการทำงานของระบบต่างๆ ทั้งหมดของรถยนต์ ที่จะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้ขับขี่ และแจกจ่ายพลังงานไฟฟ้า

อุปกรณ์ภายใน เช่น เบาะนั่ง แผงประตู เข็มขัดนิรภัย พรมหลังคา พรมพื้นรถ หน้าปิด แอร์ วิทยุ เป็นต้น มีหน้าที่ในการอำนวยความ สะดวกสบาย และช่วยในการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ประกอบด้วย ๓ ส่วนหลัก คือ ส่วนของโรงงานผู้ผลิตชิ้นส่วน ส่วนของโรงงานประกอบรถยนต์ สุดท้ายคือ ส่วนของการจัดจำหน่ายและบริการ ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะในส่วนของโรงงานประกอบรถยนต์เท่านั้น โดยแยกออกเป็นฝ่ายต่างๆ

รถยนต์ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่มา : หอจดหมายเหตุแห่งชาติ


[ดูภาพทั้งหมดในเรื่องนี้]


หัวข้อ

ฝ่ายออกแบบและวิจัย
ฝ่ายควบคุมสูตรการผลิต
ฝ่ายพัฒนาชิ้นส่วนในประเทศ
ฝ่ายวิศวกรรมการผลิต
ฝ่ายวางแผนและควบคุมการผลิต
ฝ่ายผลิต
ฝ่ายตรวจสอบคุณภาพ
ฝ่ายรับประกันคุณภาพ
ฝ่ายออกแบบและวิจัย

ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญในแต่ละส่วนของ รถยนต์ และต้องมีเครืองมือที่ทันสมัย จึงจำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีความสามารถสูงเป็นจำนวนมากรวมทั้งเงินลงทุนจำนวนมหาศาล ดังนั้น โดยส่วนใหญ่แล้ว แต่ละบริษัทมักจะมีศูนย์วิจัยใหญ่อยู่ที่บริษัทแม่ แล้วรับข้อมูลความต้องการของลูกค้าในแต่ละประเทศมาออกแบบ และปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของตน มากกว่าที่จะตั้งเป็นศูนย์วิจัยในแต่ละประเทศโดยตรง แต่ถ้าหากประเทศนั้นเป็นฐานในการผลิตชิ้นส่วนที่สำคัญ เช่น ประเทศไทยก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีฝ่ายวิจัยสำหรับชิ้นส่วนนั้นๆ โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทแม่มาเป็นผู้ดูแลและประสานงาน เพื่อให้ได้ชิ้นส่วนที่มีคุณภาพตามมาตรฐานที่ต้องการ สามารถทำงานในหน้าที่ของชิ้นส่วนนั้นๆ ได้อย่างสมบูรณ์ มีค่าใช้จ่ายในการผลิตต่อหน่วยที่เหมาะสม และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า

ขั้นตอนในการออกแบบชิ้นส่วน เริ่มตั้งแต่การสำรวจข้อมูลความต้องการของลูกค้า การเขียนแบบ การทำแบบพิมพ์ การทำชิ้นส่วน ตัวอย่าง และการประกอบเพื่อการทดลอง


[กลับหัวข้อหลัก]

รถยนต์ต้นแบบโดยเปิดประตูขึ้นด้านบน


[ดูภาพทั้งหมดในเรื่องนี้]

ฝ่ายควบคุมสูตรการผลิต

รถยนต์แต่ละคันจะประกอบไปด้วยชิ้นส่วนต่างๆ จำนวนมาก โดยชิ้นส่วนของรถยนต์จะมีทั้ง ชิ้นส่วนที่ใช้รูปแบบเดียวกันในรถยนต์หลายๆ รุ่น และชิ้นส่วนที่ใช้แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น ดังนั้น หลักเกณฑ์การผลิตชิ้นส่วนที่ใช้ในการประกอบขึ้นเป็นรถยนต์แต่ละรุ่นจะเรียกว่า สูตรการผลิตการผลิตรถรุ่นหนึ่งออกมาขายเป็นระยะเวลานานจะต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขปัญหา ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ผลิตรถยนต์ออกสู่ตลาด ซึ่งทำให้มีการเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนที่ใช้ จึงจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงสูตรการผลิตอยู่ตลอดเวลา

ตลาดรถยนต์ในแต่ละประเทศจะมีรถรุ่นต่างๆ ให้เลือกในแต่ละยี่ห้อ มากบ้างน้อยบ้างหลายสิบรุ่น ดังนั้น ในการผลิตก็อาจจะผลิต เป็นล็อต (Lot) ล็อตละ ๓๐ คันบ้าง ล็อตละ ๖๐ คันบ้าง ขึ้นอยู่กับขนาดความต้องการของตลาด โดยความหมายของคำว่า "ล็อต" ก็คือ จำนวนอย่างต่ำของรถรุ่นเดียวกันที่จะผลิตในแต่ละครั้งอย่างต่อเนื่องกันของสายการผลิต

ส่วนคำว่า"รุ่น" หมายความว่า รูปร่างและชิ้นส่วนทุกอย่างของรถยนต์ในรถรุ่นเดียวกันจะเหมือนกันทั้งหมด ไม่มีความแตกต่างกันเลย ยกเว้นเฉพาะสีที่พ่นเท่านั้นที่อาจมีได้หลายๆ สี และไม่นับรวมถึง "อุปกรณ์เพิ่มเติม" (Options) ที่ผู้ใช้จะเป็นผู้ซื้อ หรือสั่งให้ติดตั้ง ภายหลังจากที่รถยนต์ได้ถูกผลิตออกจากสายการผลิตแล้วแต่ในบางประเทศ อุปกรณ์เพิ่มเติมนี้สามารถ ระบุให้มีการติดตั้งในสายการผลิตเลย ตามการสั่งซื้อล่วงหน้า

ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ที่สำคัญของโลกประเทศหนึ่ง และมีแนวโน้ม ที่จะผลิตเพื่อการส่งออกจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ในการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกจะต้องผลิตให้ได้รถยนต์แบบต่างๆ กันนับเป็นร้อยๆ รุ่น ตามความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ทำให้ต้องใช้ระบบคอมพิวเตอร์มาช่วยคำนวณสูตรการผลิตของรถแต่ละคันว่า จะต้องใช้ชิ้นส่วน อะไรบ้าง จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนระบบการผลิตแบบเป็นล็อตมาเป็นการผลิตแบบเป็นคันแทนเพราะถ้าหากยังใช้ระบบการผลิตแบบเป็นล็อตเหมือนเดิม จะต้องมีสต็อกรถที่ผลิตสำเร็จรูปแล้วจำนวนมาก ซึ่งเป็นการเสี่ยงและต้องลงทุนสูง

การเก็บข้อมูลของสูตรการผลิตจะแบ่งตามกลุ่มของส่วนของรถยนต์ เช่น เบรกหน้า เบรกหลัง เบาะ กันชน เป็นต้น แล้วค่อยแยกเป็นส่วนประกอบย่อยๆ เช่น เบาะหน้า ประกอบด้วยหัวหมอน ผ้าเบาะ ปุ่มปรับระยะ รางยึดเบาะ เป็นต้น โดยชิ้นส่วนแต่ละชิ้นก็จะมีหมายเลขชิ้นส่วนที่แตกต่างกันไป ดังนั้น เมื่อมีการเปลี่ยนแบบแต่ละครั้ง หมายเลขชิ้นส่วนก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย


[กลับหัวข้อหลัก]

รถยนต์ซึ่งประกอบเสร็จเรียบร้อย และรอการส่งมอบ


[ดูภาพทั้งหมดในเรื่องนี้]

ฝ่ายพัฒนาชิ้นส่วนในประเทศ

เนื่องจากทางรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตภายในประเทศ จึงได้กำหนดอัตราส่วนว่า รถที่ประกอบภายในประเทศแต่ละคันจะต้องมีชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศร้อยละเท่าไร ซึ่งเป็นเรื่องของการเตรียมการการวางแผนงานเกี่ยวกับรุยนต์ที่จะผลิตในรุ่นต่าง ๆ และการผลิตชิ้นส่วนในประเทศ ให้ได้เปอร์เซ็นต์ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กำหนด โดยข้อกำหนดนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลในแต่ละสมัย ซึ่งอาจแตกต่างกันได้อาทิเช่น ในปัจจุบัน ทางรัฐบาลกำหนดให้มีชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศร้อยละ ๕๕ สำหรับรถยนต์นั่ง และร้อยละ ๔๕ สำหรับรถบรรทุกส่วนรถกระบะจะแบ่งเป็น ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ร้อยละ ๕๐ และชิ้นส่วนตัวรถร้อยละ ๕๐ ส่วนที่เหลือจึงจะสามารถสั่งเป็นชิ้นส่วนนำเข้าจากต่างประเทศได้

ส่วนขั้นตอนในการดำเนินงานเพื่อการผลิตชิ้นส่วน และการจัดเตรียมอัตราส่วนของชิ้นส่วนให้เพียงพอตามข้อกำหนด มีลำดับการดำเนินงาน คือ
๑. ศึกษาราคาของชิ้นส่วนที่จะจัดทำและพิจารณาความเป็นไปได้
๒. เลือกชิ้นส่วนที่จะจัดทำอีกครั้ง และแจ้งให้บริษัทแม่ทราบว่า จะทำการผลิตชิ้นส่วนดังกล่าวนี้
๓. ติดต่อขอสั่งแบบของชิ้นส่วน ชิ้นส่วนตัวอย่าง และรายละเอียดต่างๆ จากบริษัทแม่ เพื่อนำมาเป็นตัวอย่างให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ
๔. เมื่อได้รับชิ้นส่วนตัวอย่างแล้ว ก็จะติดต่อกับผู้ผลิตชิ้นส่วนภายในประเทศ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของรายละเอียดทางด้านต่างๆ เช่น วัสดุ หากต้องใช้เหล็กชนิดเกรดเอ แต่ไม่มี จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ ศึกษาต้นทุนต่อหน่วย เวลาที่ต้องใช้ในการทำรายละเอียดทางเทคนิคต่างๆ แบบของชิ้นส่วน และการควบคุมคุณภาพของชิ้นส่วน เป็นต้น
๕. ติดต่อผู้ผลิตชิ้นส่วน เพื่อศึกษาความสามารถและกำลังการผลิตของผู้ผลิตชิ้นส่วน
๖. ส่งชิ้นส่วนตัวอย่าง แบบ และรายละเอียดของชิ้นส่วน ให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนเพื่อเสนอราคา
๗. ได้รับใบเสนอราคาจากผู้ผลิตชิ้นส่วนแต่ละราย แล้วนำมาเปรียบเทียบกับราคาของชิ้นส่วนที่นำเข้า
๘. ยืนยันคุณภาพและราคากับผู้ผลิตชิ้นส่วนว่า ได้คุณภาพและราคาตามที่บริษัทแม่กำหนดไว้หรือไม่ โดยจะตรวจสอบกับรายละเอียด และแบบของชิ้นส่วน รวมทั้งการตรวจสอบคุณภาพของชิ้นส่วนนั้นๆ ด้วย
๙. ตัดสินใจเลือกผู้ผลิตชิ้นส่วนภายในประเทศ
๑๐. ตัดสินใจขั้นสุดท้าย โดยยืนยันกับบริษัทแม่ว่า ต้องการให้ชิ้นส่วนใดเป็นชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ เพื่อให้บริษัทแม่ได้เตรียมการจัดการในส่วนของชิ้นส่วนที่จะต้องสั่งนำเข้า
๑๑. เสนอแจ้งให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมพิจารณา
๑๒. แจ้งให้แผนกต่างๆ ภายในบริษัทที่เกี่ยวข้องทราบ โดยออกเป็นเอกสารใบคำสั่งวิศวรรม

หลังจากที่ได้รับข้อมูลต่างๆ จากแผนกวางแผนพัฒนาชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศแล้ว ก็จะทำการติดตามชิ้นส่วนนั้นๆ จากผู้ผลิตชิ้นส่วนแล้วพิจารณาว่า สามารถผลิตได้ตามรายละเอียดหรือไม่ ถ้าได้ ก็ทำการรับรองโดยแบ่งชิ้นส่วนเป็นหมวดต่างๆ คือ เครื่องยนต์ ตัวถัง ระบบไฟฟ้า ระบบช่วงล่าง ชิ้นส่วนประกอบภายใน

เป้าหมายที่สำคัญอีกประการหนึ่งของความพยายามในการพัฒนาชิ้นส่วนในประเทศก็คือ เพื่อจะลดปริมาณการสั่งนำเข้าชิ้นส่วน ซึ่งจะช่วยลดการขาดดุลของประเทศ และในขณะเดียวกัน ก็จะเป็นการเพิ่มศักยภาพของอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของประเทศไทย ด้วย นอกจากนี้ ยังทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงหมายความว่า เราจะได้ใช้รถยนต์ที่มีคุณภาพสูงขึ้นในราคาต่ำลง


[กลับหัวข้อหลัก]

ชิ้นส่วนซึ่งนำมาประกอบ


[ดูภาพทั้งหมดในเรื่องนี้]

ฝ่ายวิศวกรรมการผลิต

เตรียมการเกี่ยวกับเอกสารที่แจ้งรายละเอียดต่างๆ เมื่อจะมีการผลิตรถรุ่นใหม่ รายละเอียดเหล่านั้น ได้แก่ รายละเอียดของรถยนต์แต่ละรุ่น ซึ่งการที่จะผลิตในแต่ละรุ่น ทางโรงงาน จะได้รับการแจ้งล่วงหน้าประมาณ ๒ ปี โดยจะได้รับข้อมูลจากฝ่ายการตลาดของบริษัทมาวางแผนเพื่อเตรียมการผลิตในกรณีที่มีรถรุ่นใหม่เกิดขึ้นอีกทั้งจะต้องได้รับการอนุมัติแบบการประกอบซึ่งระบุเกี่ยวกับอัตราส่วนชิ้นส่วนผลิตในประเทศและชิ้นส่วนสั่งนำเข้า จากกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อจะได้สามารถเสียภาษีนำเข้าในลักษณะของชิ้นส่วนซีเคดี (CKD = Complete Knock Down) และเมื่อใดมีการเปลี่ยนแปลงแบบการประกอบหรือเปลี่ยนแปลงรายการชิ้นส่วนก็จะต้องแจ้งทุกครั้ง โดยงานที่ทำมักจะเป็นการประสานงานกับฝ่ายพัฒนาชิ้นส่วนในประเทศเป็นส่วนใหญ่

นอกจากนี้ยังจะต้องจัดเตรียมเอกสารต่างๆ เช่น

รายการโครงสร้างผลิตภัณฑ์ เป็นเอกสารแสดงรายละเอียดของรถยนต์แต่ละรุ่น เช่น พวงมาลัยเป็นแบบทดลำลังหรือไม่ พวงมาลัยซ้ายหรือขวา ซึ่งรายละเอียดดังกล่าวนี้ จะได้มาจากการตกลงกันระหว่างบริษัทแม่ ฝ่ายการตลาดและฝ่ายโรงงาน
รายการทั่วไปเป็นเอกสารที่แยกย่อยจากรายการโครงสร้างผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะบอกว่า รถหนึ่งคันประกอบด้วยกลุ่มของชิ้นส่วนอะไรบ้าง
รายการชิ้นส่วนทางวิศวกรรมเป็นเอกสารบอกโครงสร้างของรถหนึ่งคันอย่างละเอียด
รายการชิ้นส่วนสำหรับการผลิตเป็นเอกสารบอกสภาพการจัดส่งชิ้นส่วน เช่น เป็นชิ้นส่วนนำเข้า หรือชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศเป็นเอกสาร ที่ได้จากรายการชิ้นส่วนทางวิศวกรรม
ขั้นตอนการประกอบเป็นเอกสารที่บอกขั้นตอนการประกอบรถหนึ่งคัน
คำสั่งวิศวกรรม เป็นเอกสารแจ้งการเปลี่ยนแปลงทางวิศวกรรมต่างๆ


[กลับหัวข้อหลัก]

สายพานการผลิตรถยนต์


[ดูภาพทั้งหมดในเรื่องนี้]

ฝ่ายวางแผนและควบคุมการผลิต

มีหน้าที่ในการวางแผนการผลิต และควบคุมการรับส่งชิ้นส่วน ให้มีปริมาณที่พอดีกับการใช้งานของฝ่ายผลิต แบ่งได้เป็น ๓ ส่วน คือ

๑. การวางแผนการผลิต แผนกวางแผนของโรงงานจะได้รับข้อมูลความต้องการจำนวนรถยนต์ของลูกค้า โดยการประชุมร่วมกับฝ่ายขาย แล้วนำมาวางแผนการผลิต โดยคำนึงถึงความสามารถในการผลิต หากความต้องการมีมากกว่ากำลังการผลิต ก็จะต้องประชุมกับทางฝ่ายผลิตและผู้ผลิตชิ้นส่วน ว่าสามารถที่จะผลิตได้ตามเป้าหมายที่เพิ่มขึ้นนี้หรือไม่ โดยอาจจะมีการทำงานล่วงเวลา หรือการทำงานในวันหยุด แต่ถ้าหากความต้องการน้อยกว่ากำลังการผลิต ก็จะต้องปรับให้การผลิตในแต่ละวันเท่ากัน และจะต้องวางแผนการผลิตให้ได้จำนวนและรุ่นของรถยนต์ตรงกับความต้องการ ทั้งยังต้องผลิตให้ทันกับกำหนดการส่งมอบด้วย

แผนการผลิตแบ่งเป็นระยะคือ แผนเดือนแผนสามเดือน และแผนปี โดยแผนเดือนจะเป็นการยืนยันกำหนดที่แน่นอนว่า ในเดือนนั้นๆ จะผลิตรถยนต์ในแต่ละรุ่นจำนวนเท่าไร และในวันใด ส่วนแผนสามเดือนจะมีประโยชน์สำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนในการวางแผนว่า จะต้องสั่งวัตถุดิบจำนวนเท่าไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัตถุดิบที่ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ แผนปีจะบอกถึงแนวโน้มความต้องการรถยนต์ในปีนั้นๆ ใช้เพื่อวางแผนกำลังคนและเครื่องจักรว่า จะต้องมีการเพิ่มหรือลดอย่างไร

การวางแผนจะต้องคำนึงถึงเวลาในแต่ละช่วงการผลิต ตั้งแต่การสั่งซื้อวัตถุดิบ กำหนดการส่งมอบ ระยะเวลาในกระบวนการผลิต ตั้งแต่สายการเชื่อม สายการพ่นสี สายการประกอบการทดสอบต่างๆ จนกระทั่งสำเร็จสมบูรณ์ประกอบเป็นรถยนต์ที่เรียบร้อยเพื่อการส่งมอบได้

๒. การส่งมอบชิ้นส่วน กำหนดการส่งมอบชิ้นส่วนจะแยกตามผู้ผลิตชิ้นส่วนแต่ละราย ในปัจจบัน ระบบการส่งมอบแบบทันเวลาพอดีถูกนำมาใช้ในการกำหนดเวลาการส่งมอบชิ้นส่วนโดยมีแนวคิดจากหลักการที่ว่า ทุกระบวนการผลิต จะต้องมีความไว้ใจกัน ดังนั้น จะไม่มีการเก็บสต็อกชิ้นส่วนในแต่ละกระบวนการผลิต เพื่อที่จะลดปริมาณชิ้นส่วนในสายการผลิตรวม โดยในการผลิตแต่ละวันหรือแต่ละสัปดาห์จะมีกำหนดการส่งมอบ เพื่อให้มีปริมาณชิ้นส่วนที่เพียงพอต่อการผลิตตามกำหนดเท่านั้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการลดวัตถุดิบในการผลิตแล้ว ยังทำให้วัตถุดิบเสียหายน้อยลงด้วย
,
เมื่อได้รับคำสั่งซื้อในเดือนนั้นแล้ว ผู้ผลิตชิ้นส่วนแต่ละรายก็จะนำไปวางแผนการผลิตต่อไป เพื่อให้ได้ชิ้นส่วนทันการส่งมอบตามที่กำหนดไว้ในใบสั่งซื้อ

ในปัจจุบัน การผลิตชิ้นส่วนล่วงหน้าของผู้ผลิตชิ้นส่วนแต่ละรายจะมีปริมาณต่ำ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ ดังนั้น หากมีผู้ผลิตชิ้นส่วนรายใดที่ไม่สามารถทำตามแผนกำหนดการส่งมอบแล้ว ย่อมจะกระทบต่อสายการผลิตหลัก รวมถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนรายอื่นๆ ทั้งหมด เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เช่น เครื่องจักรเสียจึงจำเป็นต้องมีการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

จะเห็นได้ว่า ระบบการผลิตดังกล่าวต้องอาศัยกระบวนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของผู้ผลิตทั้งระบบ จึงต้องมีการเตรียมการที่ดี มิฉะนั้นแล้ว ก็จะไม่สามารถทำการผลิตได้

๓. การจัดส่งชิ้นส่วนเข้าสายการผลิต ชิ้นส่วนนำเข้าจากต่างประเทศจะถูกบรรทุกไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ และขนส่งมาทางเรือ หลังจากผ่านกระบวนการทางศุลกากรแล้วชิ้นส่วนจะถูกขนออกมาจากตู้คอนเทนเนอร์ โดยใช้รถยกมาเก็บไว้ในโกดังเพื่อรอการผลิตต่อไป

เมื่อถึงกำหนดการผลิต ชิ้นส่วนที่ต้องใช้จะถูกนำออกมาจากโกดังไปไว้ยังพื้นที่จัดชิ้นส่วนจากนั้น ชิ้นส่วนก็จะถูกจัดใส่ตะกร้าพลาสติก แล้วจัดวางบนรถ หรืออาจจะจัดวางในรถลากพิเศษสำหรับชิ้นส่วนนั้นๆ โดยเฉพาะ โดยชิ้นส่วนเหล่านี้จะถูกคัดแยก เพื่อจัดส่งไปตามจุดประกอบในสายพานการผลิตต่อไป

ชิ้นส่วนขนาดเล็กๆ เช่น นอต สกรู คลิบจะถูกแยกจัดและส่งด้วยวิธีที่แตกต่างออกไปเนื่องจากมีจำนวนมากและเป็นชิ้นส่วนที่มีการใช้ทั่วๆ ไป การแบ่งชิ้นส่วนประเภทนี้ จึงไม่นิยม แบ่งด้วยการนับ แต่จะใช้วิธีการชั่ง โดยมีรายการบันทึกไว้ก่อนว่า ชิ้นส่วนหมายเลขใด ใช้ปริมาณ เท่าไรต่อครั้ง และมีน้ำหนักเท่าไร การชั่งสามารถให้ความเที่ยงตรงได้พอเพียงภายในระยะเวลาทีสั้นลง

โดยทั่วไป ชิ้นส่วนนำเข้าจากาต่างประเทศจะมีปริมาณสำรองไว้เพื่อการประกอบในระยะเวลา ๑๐ วัน หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับว่า ประเทศผู้ผลิตชิ้นส่วนนั้นๆ มีระยะทางไกลจากประเทศไทยเท่าใด และจะต้องใช้เวลาเดินทางโดยทางเรือกี่วันเช่น จากประเทศญี่ปุ่นจะใช้เวลาเดินทางโดยทางเรือ๙ วัน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังต้องคำนวณเผื่อจากในการสั่งซื้อ รวมทั้งเวลาในการดำเนินพิธีการทางศุลกากรด้วย

ชิ้นส่วนที่ผลิตภายในประเทศจะมีปริมาณเพียงพอสำหรับการผลิตในโรงงานวันต่อวันเท่านั้นจะไม่มีการเก็บสำรองไว้มาก ยกเว้นว่าชิ้นส่วน นั้นๆ มีขนาดเล็ก และมีปริมาณการผลิตต่อครั้ง มาก เช่น สติกเกอร์ (Sticker) นอต (Knot)สกรู (Screw) เป็นต้น ระยะทางระหว่างโรงงานผลิตชิ้นส่วนกับโรงงานผลิตรถยนต์ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาปริมาณสต็อกด้วย

ชั้นเก็บชิ้นส่วนภายในโรงงานจะถูกแยกตามประเภทของชิ้นส่วน หรือแยกตามสายการผลิตย่อย เพื่อให้สะดวกในการจัดและควบคุม

ชิ้นส่วนที่เป็นตัวถังจะเป็นชิ้นส่วนที่ทำด้วยเหล็ก จึงต้องมีการชุบน้ำมันกันสนิมจากโรงงานผลิตชิ้นส่วน เพราะประเทศไทยมีความชื้นสูงทำให้ชิ้นส่วนที่ทำด้วยเหล็กเกิดสนิมได้ง่าย แม้ว่าจะเก็บไว้เพียงวันเดียวหรือสองวันก็ตาม สิ่งที่จะต้องระมัดระวังในการจัดชิ้นส่วนพวกนี้ก็คือ ต้องสวมถุงมือหนังในการยกชิ้นส่วน มิฉะนั้นแล้วจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เนื่องจากชิ้นส่วนจำพวกนี้มีความคม และต้องระวังไม่ให้มีการตกหล่น หรือกระแทก เพราะจะทำให้เกิดรอยบุบได้ ดังนั้นชิ้นส่วนที่มีขนาดปานกลางจะถูกบรรทุกมาในรถลากพิเศษเฉพาะชิ้นส่วนนั้นๆ และพยายามให้มีการยกน้อยครั้งที่สุด หลังจากที่ผลิตเป็นชิ้นส่วนแล้วจนกระทั่งถึงขั้นตอนการประกอบตัวถัง


[กลับหัวข้อหลัก]

ลังบรรจุชิ้นส่วนซีเคดี


[ดูภาพทั้งหมดในเรื่องนี้]

ฝ่ายผลิต

ในการผลิตรถยนต์ของแต่ละโรงงานนั้นจะประกอบไปด้วย การนำชิ้นส่วนย่อยๆ ซึ่งสั่งซื้อจากผู้ผลิตรายย่อยต่างๆ หรือบางแห่งก็มีการผลิตชิ้นส่วนเองด้วย แล้วนำมาประกอบให้สมบูรณ์เป็นรถยนต์ เพื่อส่งมอบให้ตัวแทนฝ่ายขายของบริษัทเตรียมที่จะจำหน่ายให้ลูกค้าต่อไป

ดังนั้น ในที่นี้จะกล่าวถึงวิธีการหลักๆ ในการนำชิ้นส่วนย่อยๆ มาประกอบเป็นรถยนต์สำเร็จรูปเท่านั้น สำหรับกระบวนการผลิตหรือการประกอบนั้น จะประกอบไปด้วยขั้นตอนหลัก ๓ ขั้นตอน ดังนี้

๑) กระบวนการเชื่อมประกอบตัวถัง ในกระบวนการนี้ จะนำชิ้นส่วนที่เป็นโลหะซึ่งได้ผ่านการะบวนการขึ้นรูปมาแล้ว มาเชื่อมประกอบให้เป็นตัวถังรถ โลหะที่ใช้นั้นมีความหนาแตกต่างกันไปตามความจำเป็นและการออกแบบส่วนใหญ่จะหนาประมาณ ๐.๗ - ๑.๙ มิลลิเมตร ซึ่งถ้าพิจารณาดูจากความหนาแล้ว อาจเห็นว่าไม่น่าจะมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะนำมาวิ่งบนท้องถนนด้วยความเร็วสูงๆ ในอัตรา ๑๐๐ - ๑๕๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นเหล็กที่มีความหนาไม่มาก จะถูกนำมาขึ้นรูปให้เป็นสันนูนโดยเทคนิคทางวิศวกรรม ก็จะทำให้ได้ค่าความแข็งแรงมากขึ้น

การเชื่อมประกอบให้ได้ตัวถังรถที่มีขนาดเท่าๆ กันทุกคัน จะต้องมีอุปกรณ์ช่วยในการประกอบ ซึ่งอุปกรณ์นั้นเรียกว่า "จิ๊ก" (JIG) จิ๊กจะมีลักษณะเป็นแท่นที่มีส่วนยึดจับชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน โดยจุดยึดจับแต่ละตัวจะช่วยในการบังคับไม่ให้ชิ้นส่วนเกิดการขยับเขยื้อนไป หรือบิดงอจากการเชื้อม ขณะที่ทำการเชื้อม ถ้าชิ้นส่วนมีขนาดหรือรูปร่างที่แตกต่างกัน ตัวยึดจับนี้ก็จะต้องออกแบบให้แตกต่างกันด้วย เหตุผลสำคัญที่จะต้องมีจิ๊บในกระบวนการเชื่อมชิ้นส่วนตัวถังรถก็เนื่องจากว่า มีจุดที่จะต้องเชื่อมจำนวนมากถ้าหากมีการเชื่อมผิดตำแหน่งที่กำหนดไว้ในมาตรฐานแล้ว ก็จะทำให้ชิ้นส่วนทั้งหมดเสียหายไม่สามารถที่จะแก้ไขด้วยการซ่อมได้ และข้อจำกัดอีกประการหนึ่งของจิ๊กคือมีราคาสูง แต่การใช้จิ๊กจะช่วยให้เราสามารถควบคุมคุณภาพของรถยนต์ช่วยลดปัญหาของเสียหายที่เกิดจากการผลิต และทำให้ประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้น จิ๊กที่ใช้ในการประกอบนั้นจะมีมากมายหลายแบบ แต่ละแบบจะได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานในขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการประกอบย่อยจนถึงขั้นตอนการประกอบหลัก ถ้าในสายการผลิตนั้นจะต้องผลิตรถยนต์หลาย ๆ รุ่น ก็จะต้องมีการออกแบบจิ๊ก ให้จิ๊กตัวเดียวกันสามารถใช้ในการเชื่อมประกอบตัวถังรถได้หลายรุ่น

ส่วนที่จะกล่าวต่อไปคือ วิธีการและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อม โดยทั่วไป โดยวิธีการเชื่อม ๒ แบบ คือ สปอต เวลดิง (Spot Welding) และมิก เวลดิง (Mig Welding) สำหรับวิธีการเชื่อมแบบสปอต เวลดิง (Spot Welding) จะอาศัยกระแสไฟฟ้าให้ไหลผ่านชิ้นส่วนที่เป็นโลหะด้วยขนาดกระแสที่สูงประมาณ ๘,๐๐๐ ถึง ๑๐,๐๐๐ แอมแปร์ จะทำให้เกิดความร้อนงมาก จนทำให้โลหะสองแผ่นนั้นหลอมละลายติดกันเป็นจุดกลมๆ โดยมีขนาดเล้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๘ ถึง ๑๐ มิลลิเมตร ในตัวถังรถหนึ่งคันนั้นจะประกอบด้วยจุดเชื่อมนับพันจุดทีเดียว

ในส่วนที่ไม่สามารถเชื่อมด้วยวิธีการแบบสปอต เวลดิง (Spot Welding) ได้ ก็จะใช้วิธีการแบบ มิก เวลดิง (mig Welding) โดยอาศัยลวดเชื่อมและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ป้องกันไม่ให้ก๊าซออกซิเจนเข้าไปในบริเวณเชื่อมและบริเวณรอยต่อที่อยู่ภายนอก และจะใช้ มิก เบรซซิงMig Brazing) เชื่อมปิดรอยต่อเพื่อความสวยงาม

หลังจากการเชื่อมประกอบเป็นรูปตัวถังรถแล้ว ก็จะต้องมีการใส่ชิ้นส่วนอื่นๆ เช่น บังโคลนหน้า ประตู ฝาหน้า จากนั้นจะเป็นการขัดแต่ง เพื่อให้จุดเชื่อมและรอยต่อต่างๆ มีความเรียบร้อย สวยงาม ก็จะได้ตัวถังรถที่สมบูรณ์เพื่อนำส่งไปยังกระบวนการต่อไป

๒) กระบวนการทำสี หลังจากที่ได้ตัวถังรถจากการเชื่อมประกอบแล้ว ตัวถังที่เป็นโลหะนั้นจะต้องนำมาพ่นสีเพื่อความสวยงาม และเป็นการป้องกันการเกิดสนิม สำหรับกระบวนการทำสีนั้นค่อนข้างซับซ้อน ในที่นี้พอจะสรุปเป็นขั้นตอนหลัก ๆ ได้ ๖ ขั้นตอน ดังนี้

๒.๑) ขั้นตอนการล้างและเตรียมผิวเหล็ก ในขั้นตอนนี้ จะนำตัวถังเข้าล้างคราบไขมันและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ติดอยู่ที่ตัวถังให้สะอาดแล้วจึงนำเข้าสู่กระบวนการเตรียมผิว โดยสร้างให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี เพื่อเพิ่มคุณภาพในการยึดเกาะของสีให้ดีที่สุดและป้องกันสนิม ในกระบวนการนี้จะใช้สารเคมีชนิดต่างๆ ดังนั้น จึงต้องมีการควบคุมค่าต่างๆ ให้อยู่ในมาตรฐานที่กำหนดไว้ตลอดเวลา

๒.๒) ขั้นตอนการชุบสีด้วยกระแสไฟฟ้า หรือ อีดี พี (Electro Deposition Paint) ตัวถังรถที่ผ่านการล้างและเตรียมผิวแล้ว ก็จะนำมาชุบสีด้วยกระแสไฟฟ้า เพื่อให้เนื้อสีสามารถเข้าไปเกาะติดที่ตัวถังรถได้ทุกซอกทุกมุม ในการชุบนั้น จะนำตัวถังรถทั้งคันจุ่มลงในบ่อสี แล้วจ่ายกระแสไฟฟ้าผ่านตัวนำไฟฟ้าไปที่ตัวถังรถ กระแสไฟฟ้าจะทำหน้าที่พาเนื้อสีที่เป็น ตัวนำไฟฟ้าเช่นกัน ให้เข้าไปเกาะที่ตัวถังรถทุกๆ จุดในปริมาณเนื้อสีที่ใกล้เคียงกัน หลังจากนั้นก็จะนำเข้าอบสีให้แห้ง โดยใช้อุณหภูมิประมาณ ๑๖๕ องศาเซลเซียส เป็นเวลานานประมาณ ๓๐ นาที

๒.๓) ขั้นตอนการหยอดกาว ในขั้นตอนนี้ จะอุดแนวต่อต่างๆ ของชิ้นส่วนแต่ละชิ้น โดยเฉพาะส่วนที่เป็นพื้นรถเพื่อป้องกันน้ำที่จะรั่วเข้ามาในห้องโดยสาร ถ้าต้องนำรถไปใช้งานในขณะฝนตก กาวที่ใช้จะเป็นประเภท พีวีซี (PVC) ซึ่งจะต้องใช้ความร้อนในการอบแห้งเช่นกัน

๒.๔) ขั้นตอนการพ่นสีพื้น ในขั้นตอนนี้ จะนำตัวถังที่ผ่านการหยอดกาวแล้ว มาพ่นสีพื้น สำหรับการพ่นสีพื้นจะเป็นการเตรียมเฉดของสีให้ใกล้เคียงกับสีจริง เพื่อความสามารถในการยึดเกาะและความเงาของสีส่วนใหญ่ลักษณะของโทนสีพื้นจะเป็นสีอ่อน เช่น สีขาว หรือสีเทา เป็นต้น เมื่อทำการพ่นสีเสร็จแล้ว ก็จะถูกสายพานลำเลียงเข้าสู่ห้องอบสีโดยจะใช้อุณหภูมิในการอบประมาณ ๑๕๕ องศาเซลเซียส และใช้เวลาในการอบประมาณ ๓๐ นาที

๒.๕) ขั้นตอนการขัดน้ำ ในขั้นตอนนี้ จะนำตัวถังที่ผ่านการพ่นสีพื้นแล้ว มาขัดแต่งด้วยกระดาษทรายเนื้อละเอียด เพื่อให้บริเวณที่ไม่เรียบหรือมีรอยต่างๆ เรียบยิ่งขึ้น การขัดน้ำเป็นการใช้น้ำช่วยชำระล้างฝุ่นผงต่างๆ ออกมา และยังช่วยป้องกันการเกิดรอยในขณะขัดแต่งผิวด้วย

๒.๖) ขั้นตอนการพ่นสีจริง หลังจากผ่านขั้นตอนการขัดน้ำแล้วก็จะเข้าสู้ขั้นตอนการพ่นสีจริง ในขั้นตอนนี้จะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติมาช่วยทำงานในการพ่นสี โดยการใช้หุ่นยนต์พ่นสีทั้งสีพื้นและสีจริง จะทำให้การพ่นสีมีประสิทธิภาพสีมีความเงางามและสม่ำเสมอ เพิ่มความสวยงามและคุณภาพของสีตัวถังรถ สีจริงหรือสีชั้นบนสุดนี้จะเป็นสีที่คงทนต่อการขีดข่วน ความร้อนแรงกระแทก และสารเคมีบางชนิดได้เป็นอย่างดีตลอดจนมีความสวยงามและง่ายต่อการบำรุงรักษาอีกด้วย

โดยปกติแล้ว จะมีสีอยู่ ๒ ประเภท คือ สีโซลิด (Solid) ซึ่งดูเรียบด้านเหมือนสีน้ำทั่วไป และสีเมทัลลิก (Metallic) ซึ่งดูแวววาวมากกว่า และมีเคลียร์ (Clear) เคลือบทับอีกชั้นหนึ่ง

ขั้นตอนในการพ่นสีจริงนั้น สำหรับสีโซลิดจะมีเพียงชั้นเดียว ส่วนสีเมทัลลิคจะมีอยู่ ๒ ชั้น คือ
ชั้นที่ ๑ จะเป็นชั้นสี
ชั้นที่ ๒ จะเป็นชั้นสารเคลือบเงาในประเภทแลคเกอร์ หรือเคลียร์

หลังจากพ่นสีแล้วจะนำเข้าห้องอบสีซึ่งจะใช้สายพานลำเลียงส่งเข้าไป และลำเลียง ออกมาด้วยระยะเวลาที่เท่าๆ กันทุกคัน โดยแต่ละคันใช้อุณหภูมิในการอบสีประมาณ ๑๕๕ องศาเซลเซียส ในระยะเวลาประมาณ ๓๐ นาที

หลังจากผ่านกระบวนการทำสีแล้วตัวถังก็จะมีสีต่างๆ ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่กระบวนการผลิตก็ยังไม่เสร็จสิ้น ยังต้องส่งตัวถังที่พ่นสีเสร็จเรียบร้อยแล้วต่อไปยังแผนกประกอบ เพื่อทำการประกอบชิ้นส่วนอื่นๆ ต่อไป

๓) กระบวนการประกอบ มีตัวถังที่ทำสีแล้ว ก็จะต้องมีการประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เช่น เครื่องยนต์ ยาง พวงมาลัย เบาะ ฯลฯ ในส่วนของการประกอบมีกระบวนการหลักๆ อยู่ดังนี้

๓.๑) การประกอบโครงรถ (แชสซีส์ : Chassis) ส่วนของแชสซีส์ คือ ส่วนที่เป็นฐานของรถยนต์ ซึ่งเป็นที่ยึดประกอบของชิ้นส่วนสำคัญๆ เช่น เครื่องยนต์ ระบบรองรับน้ำหนักล้อหน้า ล้อหลัง ระบบบังคับเลี้ยว ระบบขับเคลื่อน เป็นต้น

รถยนต์ที่ใช้บรรทุกและรถยนต์นั่งจะมีข้อแตกต่างกันในส่วนที่เป็นแชสซีส์นี้คือ ถ้าเป็นรถที่ใช้บรรทุกก็จะมีโครงแชสซีส์ที่ชัดเจน และสามารถแยกออกมาเพื่อประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ได้ แต่ถ้าเป็นรถยนต์นั่ง ส่วนของแชสซีส์นั้นจะเชื่อมยึดกับส่วนของตัวถังด้วย และไม่สามารถแยกออกมาได้

ก่อนที่จะมาประกอบเป็นโครงแชสซีส์นั้นจะมีกระบวนการประกอบย่อยๆ เพื่อจัดเตรียมให้พร้อม ก่อนที่จะมาประกอบบนสายการผลิตหลักซึ่งกระบวนการประกอบย่อยต่างๆ นั้น มีดังนี้
๓.๑.๑) กระบวนการประกอบเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนเครื่องยนต์จำนวนหลายร้อยรายการจะถูกจัดเข้าสายการผลิตตามขั้นตอนที่จะต้องประกอบ เช่น ฝาสูบ เสื้อสูบ ลูกสูบ ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น การประกอบเครื่องยนต์เริ่มขึ้นบนสายการผลิตนั้น จนถึงกระบวนการสุดท้าย ก็จะได้เครื่องยนต์ที่สำเร็จรูป ก่อนนำส่งต่อไปยังสายการผลิตอื่น จะต้องมีการทดสอบให้ เครื่องยนต์ทำงาน และปรับตั้งค่าต่างๆ ให้อยู่ในมาตรฐานที่กำหนด พร้อมทั้งตรวจวัดประสิทธิภาพต่างๆ บันทึกไว้ ซึ่งจะเป็นประวัติที่สามารถตรวจสอบกลับมาได้ ในกรณีที่เครื่องยนต์เครื่องนั้นมีปัญหา

หลังจากเครื่องยนต์ผ่านการทดสอบเรียบร้อยแล้ว ก็จะถูกเก็บเข้าโรงเก็บ เพื่อรอลำดับการผลิตจากสายการผลิตหลัก หากได้รับข้อมูลยืนยันจากสายการผลิตหลักมาว่า ต้องการเครื่องยนต์ในรุ่นใด จำนวนเท่าไร เครื่องยนต์ในรุ่นนั้นก็จะถูกนำออกจากโรงเก็บ เพื่อประกอบเข้ากับชุดระบบส่งกำลัง หรือที่เราเรียกกันว่า ระเบบเกียร์นั่นเอง หลังจากที่ประกอบเสร็จแล้วก็จะนำเข้ายังจุดส่งเครื่องยนต์ข้างสายการผลิตหลัก

๓.๑.๒) กระบวนการประกอบชุดส่งกำลังล้อหลัง ในชุดส่งกำลังล้อหลังจะประกอบไปด้วยชิ้นส่วนหลักๆ คือ ชุดเพลา เสื้อเพลา ชุดห้ามล้อหรือชุดเบรก ชุดเฟืองส่งกำลัง เป็นต้น ในกระบวนการนี้จะต้องมีความพิถีพิถันในการตรวจวัดระยะการสวมต่างๆ ให้อยู่ในพิกัดมาตรฐานที่กำหนด ตลอดจนการเติมสารหล่อลื่นต่างๆ ในชุดส่งกำลังนี้ เช่น น้ำมัน จาระบี เป็นต้น

๓.๑.๓) กระบวนการประกอบชุดรอบรับน้ำหนักล้อหลัง หลังการประกอบชุดส่งกำลังล้อหลังเรียบร้อยแล้ว ชุดส่งกำลังล้อหลังนั้นจะถูกนำมาประกอบกับชุดรองรับน้ำหนักล้อหลัง ซึ่งจะเป็นลักษณะแผ่นเหล็กสปริง หรือที่เรียกว่า ชุดแหนบนั่นเอง ในขั้นตอนนี้ ค่าแรงขัดแน่นของนอตยึดต่างๆ จะต้องได้ตามค่ามาตรฐานที่กำหนด

๓.๑.๔) กระบวนการประกอบยาง ยางและกระทะล้อจะถูกจัดส่งมากจากผู้ผลิตชิ้นส่วนย่อย ดังนั้น จะต้องมีการประกอบกระทะล้อนี้กับยาง พร้อมทั้งเติมลมในปริมาณที่ถูกต้อง หลังจากนั้น จะต้องมีการถ่วงสมดุลล้อโดยใช้น้ำหนักที่เป็นก้อนตะกั่วติดที่ขอบด้านในและด้านนอกของกระทะล้อ หลังจากนั้น จึงนำส่งเข้าสู่สายการผลิตหลังต่อไป

ชิ้นส่วนหลักๆ จากกระบวนการผลิตย่อยที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จะถูกจัดส่งเข้าตามตำแหน่งบนสายพานการผลิตหลักของการประกอบแชสซีส์ และจะถูกนำมาประกอบให้สมบูรณ์เป็นแชสซีส์อีกครั้ง

๓.๒) การประกอบส่วนของตัวถังหรือหัวเก๋ง ส่วนของตัวถัง หรือหัวเก๋ง หรือในห้องโดยสารนั้น จะประกอบด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น เบาะ พวงมาลัย อุปกรณ์บังคับเลี้ยว อุปกรณ์ควบคุมการส่งกำลัง (เกียร์) เป็นต้น ซึ่งในการประกอบจะมีกระบวนการประกอบย่อยๆ เพื่อจัดส่งต่อให้กับสายการผลิตหลักนี้โดยในกระบวนการประกอบย่อยนั้นจะประกอบด้วย

๓.๒.๑ กระบวนการประกอบหน้าปัด หน้าปัดที่อยู่ด้านหน้าคนขับนั้นจะมีชิ้นส่วนอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ชุดทำความเย็น ชุดควบคุมแสงสว่าง ชุดวิทยุ เป็นต้น ซึ่งจะถูกประกอบรวมกันในกระบวนการนี้

๓.๒.๒ กระบวนการประกอบกระจกประตูและกระจกหน้า ชุดกระจกรประตูจะมีอุปกรณ์ประกอบร่วมย่อยๆ หลายชิ้น จึงจำเป็นต้องแยกมาประกอบชิ้นส่วนย่อยดังกล่าวให้เรียบร้อย ก่อนส่งเข้าในสายการผลิตหลักต่อไป

๓.๓) การประกอบขั้นตอนสุดท้าย ในทำนองเดียวกัน ในกระบวนการประกอบขั้นตอนสุดท้ายนี้ จะเป็นการประกอบแชสซีส์กับส่วนของตัวถังเข้าด้วยกัน ตัวรถเริ่มจะสมบูรณ์เป็นรูปร่างมากขึ้น ในกระบวนการหลักจะมีกระบวนการย่อยๆ ดังนี้

๓.๓.๑) กระบวนการประกอบกันชนหน้า เป็นการประกอบชุดกันชนหน้าให้เป็นชุด

๓.๓.๒) กระบวนการประกอบหม้อน้ำหล่อเย็น ในชุดหม้อน้ำหล่อเย็นนี้ จะมีอุปกรณ์ประกอบ เช่น ใบพัดลม ชุดรังผึ้ง ท่อน้ำเข้าออกเป็นต้น

๓.๓.๓) กระบวนการประกอบถังใส่น้ำมันเชื้อเพลิง หลังจากได้ประกอบชิ้นส่วนหลักๆ จนครบแล้ว ในกระบวนการประกอบขั้นตอนสุดท้าย นี้ก็จะมีการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำหล่อเย็น ใส่แบตเตอรี่ เติมน้ำมันเบรก เติมน้ำมันอื่นๆ แล้วจึงจะสามารถติดเครื่องยนต์ และขับเคลื่อนได้ต่อมาจะผ่านเข้าสู่การปรับตั้งไฟหน้า ปรับตั้งศูนย์ล้อหน้า เติมน้ำยาเครื่องทำความเย็น เป็นต้นแล้วจึงเข้าสู่ขั้นตอนในการตรวจสอบ เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ต่างๆ จากขั้นตอนการประกอบที่ผ่านมา รวมทั้งมีการทดสอบการรั่วของน้ำที่จะรั่วเข้ามาในห้องโดยสารด้วยว่า มีการรั่วหรือไม่

ในบางครั้ง ถ้าตรวจสอบพบข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น ก็จำเป็นจะต้องมีการซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพที่ได้มาตรฐานตามที่กำหนดไว้ด้วย

หลังจากที่ได้ประกอบจนเสร็จสมบูรณ์เป็นรถยนต์ และผ่านการตรวจสอบครบถ้วนแล้วก็จะได้รถยนต์ที่มีคุณภาพเพื่อที่จะส่งมอบให้แก่ฝ่ายขายต่อไป


[กลับหัวข้อหลัก]

ชิ้นส่วนต่างๆ ที่นำมาประกอบเป็นตัวถังรถยนต์



การเชื่อมชิ้นส่วนพื้นของตัวถัง



การประกอบหัวเก๋งเข้ากับแชสซีส์


[ดูภาพทั้งหมดในเรื่องนี้]

ฝ่ายตรวจสอบคุณภาพ

การตรวจสอบในระบบผลิตรถยนต์ แบ่งได้เป็น ๒ ส่วน คือ

ก) การตรวจสอบชิ้นส่วนที่มาประกอบเป็นรถยนต์ เป็นการตรวจสอบเพื่อควบคุมคุณภาพของชิ้นส่วนที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนได้ผลิตขึ้น ว่าได้คุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดไว้หรือไม่ โดยมีลักษณะที่จะต้องควบคุมโดยทั่วไปๆ ไปคือ ขนาดรูปร่าง น้ำหนัก ความแข็งแรงของวัสดุ ความทนทานต่อสภาพต่างๆ เช่น กรด ด่าง เกลือ ทนทานต่อรังสีเหนือม่วง (อัลตราไวโอเลต) ทนทานต่อการเกิดลุกเป็นไฟ ขนาดกำลังไฟฟ้าอย่างไรก็ตาม ลักษณะที่ต้องควบคุมดังที่กล่าวมานี้มิได้หมายถึงว่า ชิ้นส่วนทุกชิ้นส่วนจะต้องถูกตรวจสอบตามลักษณะที่ต้องควบคุมทั้งหมดชิ้นส่วนบางชิ้นอาจจะมีเพียงไม่กี่ลักษณะที่จะต้องมีการตรวจสอบ

ชิ้นส่วนที่ไม่ได้มาตรฐานแม้เพียงชิ้นเดียวก็จะทำให้รถยนต์ทั้งคันไม่ได้มาตรฐานไปด้วย ดังนั้น การควบคุมคุณภาพในการผลิตจะต้องกระทำตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นชิ้นส่วน เพื่อไม่ให้มีของเสียในกระบวนการผลิตเลย

ข) การตรวจสอบเมื่อเป็นรถสำเร็จรูป โดยทั่วไปจะมีหัวข้อในการตรวจสอบตามสายงาน ลักษณะภายใน และระบบการทำงานของอุปกรณ์

๑. ความสวยงามและลักษณะภายนอก
๑.๑ การตรวจสอบสีของรถยนต์ว่ามีรอยขีดข่วน รอยแตกบวมของสี สีเรียบหรือไม่มีรอยบุบรอยนูนของตัวถังหรือไม่
๑.๒ การตรวจสอบช่องไฟและความเรียบเสมอกันของตัวถัง เป็นการตรวจสอบช่องไฟรอยต่อของชิ้นส่วนตัวถังรถยนต์ เพื่อให้มีความสวยงาม
๑.๓ การตรวจสอบการประกอบชิ้นส่วนในรถยนต์เพื่อตรวจดูช่องไฟ รอยต่อความเรียบเสมอของผิว และความเรียบร้อยในการประกอบ

๒. ระบบการทำงานของอุปกรณ์
๒.๑ การตรวจสอบการใช้งานของอุปกรณ์รถยนต์ เช่น เครื่องเล่นเทป วิทยุเครื่องปรับอากาศ ว่ามีการทำงานตามขั้นตอนที่กำหนดไว้หรือไม่
๒.๒ การตรวจสอบอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย เช่น ระบบเบรค ไฟฉุกเฉิน ไฟหน้ากระจกมองข้าง อีกทั้งยังเป็นข้อกำหนดตามกฏหมายในหลายๆ ประเทศที่เจริญแล้ว
๒.๓ การทดสอบการรั่วซึมของน้ำไม่ให้เข้ามาภายในรถยนต์ได้
๒.๔ การทดสอบวิ่งเพื่อตรวจสอบการทำงานของชิ้นส่วน ช่วงล่างของรถยนต์ และการประกอบ
๒.๕ การทดสอบเครื่องยนต์ เช่น แรงม้า ปริมาณก๊าซไอเสียที่ออกมาจากเครื่องยนต์ โดยการเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิง โดยเฉพาะเรื่องของก๊าซไอเสียเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องใส่ใจเพราะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม


[กลับหัวข้อหลัก]

ตรวจสอบการทำงานของระบบไฟฟ้า


[ดูภาพทั้งหมดในเรื่องนี้]

ฝ่ายรับประกันคุณภาพ

ฝ่ายรับประกันคุณภาพจะเป็นผู้กำหนดและตรวจสอบปัญหาของรถยนต์ เมื่อได้รับการแจ้งปัญหาจากลูกค้า โดยขั้นตอนแรกจะวิเคราะห์ว่า สาเหตุของปัญหาเกิดจากอะไร ขั้นตอนใดที่ทำให้เกิดปัญหานั้นๆ ถ้าเกิดจากกระบวนการผลิต ก็จะแจ้งต่อฝ่ายควบคุมคุณภาพ เพื่อให้ทำการแก้ไขต่อไป ในกรณีดังกล่าว ศูนย์บริการในเครือข่ายของบริษัทนั้นจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าทันที เพื่อให้ลูกค้าพอใจ เช่น ถ้าชิ้นส่วนมีปัญหา จะเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ให้หรือซ่อมแซมให้สามารถใช้ได้

ในบางกรณี ถ้าพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยของลูกค้า หรือเป็นปัญหาใหญ่ ทางบริษัทก็จะแจ้งวิธีการแก้ไขให้ศูนย์บริการทราบ เพื่อจะได้ดำเนินการแก้ไขให้กับลูกค้าต่อไป หรืออาจจะต้องมีการเรียกคืนรถยนต์จากลูกค้า เพื่อทำการแก้ไขให้

ฝ่ายรับประกันคุณภาพจึงมีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองลูกค้า และเป็นผู้รักษาคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้กับลูกค้าว่า บริษัทจะผลิตรถยนต์ที่ทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจอย่างสูงสุดปัญหาบางอย่างอาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องคุณภาพแต่เป็นเพราะลูกค้าไม่ชอบใจ หรือรำคาญ ก็จะรวบรวมปัญหา แล้วเสนอแนะไปยังฝ่ายออกแบบหรือผู้ผลิตชิ้นส่วน เพื่อให้ทำการปรับปรุง โดยกระบวนการปรับปรุงคุณภาพของรถยนต์จะเกิดขึ้นทุกขณะในการผลิตรถยนต์

นอกจากนี้ ฝ่ายรับประกันคุณภาพยังมีหน้าที่รับผิดชอบในการทดสอบการใช้งานจริงของรถยนต์ในสภาวะต่างๆ เช่น วิ่งบนถนนเรียบวิ่งบนถนนขรุขระ การวิ่งด้วยความเร็วสูง การเข้าโค้ง การวิ่งขึ้นลงในทางชัน การวิ่งในสภาพฝนตกหรือถนนลื่น การบรรทุกของหนัก เป็นต้น เพื่อค้นหาข้อบกพร่องที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน และจะได้แก้ไขปรับปรุงให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ลูกค้าก็จะเกิดความมั่นใจและไว้วางใจในการใช้งานรถยนต์

การส่งมอบรถยนต์ไปยังตัวแทนจัดจำหน่ายในประเทศ
รถยนต์ที่จำหน่ายภายในประเทศนั้นจะต้องผ่านการตรวจสอบและรับรองคุณภาพตามมาตรฐาน โดยสำนักงานมาตรฐาน กระทรวงอุตสาหกรรม เท่านั้น จึงจะสามารถจัดจำหน่ายได้

รถยนต์ที่ผ่านการะบวนการผลิตที่พิถีพิถันและการตรวจสอบที่เข้มงวดแล้ว จะถูกนำมาเก็บไว้ เพื่อรอส่งให้ตัวแทนจัดจำหน่ายต่อไป ในขั้นตอนนี้ ก็จะต้องตรวจดูสภาพความเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่ง เช่น สีมีรอยขีดข่วนหรือไม่ อุปกรณ์ครบถ้วนหรือไม่ หมายเลขเครื่องยนต์ตรงตาม เอกสารหรือไม่ และจะต้องตรวจสอบให้ตรงกับที่ผู้แทนจำหน่ายได้สั่งซื้อไว้ จากนั้น รถยนต์ก็จะถูกขนส่งโดยรถบรรทุกพ่วงไปยังผู้แทนจำหน่ายเพื่อส่งมอบให้ลูกค้าต่อไป

การส่งมอบรถยนต์ที่ผลิตสำเร็จไปจำหน่ายในต่างประเทศ
ฝ่ายการค้าระหว่างประเทศจะเป็นผู้ประสานงานระหว่างลูกค้าต่างประเทศกับฝ่ายผลิตและเป็นผู้ดำเนินการด้านพิธีการเพื่อการส่งออกโดยติดต่อกับกรมศุลกากรและกรมการขนส่งทางบก ทางรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออก โดยการยกเว้นภาษีชิ้นส่วนนำเข้าเพื่อการผลิต

รถยนต์ที่ส่งไปขายยังต่างประเทศนั้นโรงงานจะทำการผลิตตามคำสั่งที่ได้รับว่า เป็นรถรุ่นใดแบบใด มีอุปกรณ์พิเศษอะไรบ้าง หลังจากทำการผลิตจนสำเร็จเป็นรถยนต์เรียบร้อยแล้วฝ่ายผลิตจะนำรถยนต์ที่ผลิตสำเร็จ ส่งเข้าเคลือบขี้ผึ้ง (Wax) หรือปิดฟิล์ม เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและการเกิดรอยขีดข่วน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการขนส่ง รวมทั้งเพื่อเป็นการป้องกันไออากาศจากน้ำทะเลด้วย จากนั้นจึงจะนำเข้าไปเก็บ เพื่อรอเรือขนส่งรถยนต์ที่จะมาทำการขนส่งต่อไป

รถยนต์แต่ละคันที่จะส่งไปขายยังประเทศใดก็จะต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานที่ประเทศนั้นๆ กำหนดเสียก่อน จึงจะสามารถส่งเข้าไปจำหน่ายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศในกลุ่มยุโรป หรือประเทศที่พัฒนาแล้ว จะมีมาตรฐานที่เข้มงวดมาก ทั้งมาตรฐานจากค่าไอเสีย มาตรฐานในการป้องกันสนิม มาตรฐานในการป้องกันอุบัติเหตุต่างๆ ซึ่งมาตรฐานในแต่ละประเทศจะแตกต่างกันไป แต่เป็นที่น่ายินดีว่า ประเทศไทยสามารถประกอบรถยนต์และส่งออกไปจำหน่ายไปทั่วโลก โดยสามารถผ่านมาตรฐานต่างๆ เหล่านั้นได้

จะเห็นได้ว่า เฉพาะส่วนของโรงงานประกอบรถยนต์ก็จะประกอบด้วยคนจำนวนมากประมาณถึงสองหมื่นคน แต่ถ้าจะนับรวมหมดทั้งอุตสาหกรรม คือ ส่วนของโรงงานผลิตชิ้นส่วนส่วนของการจัดจำหน่ายและบริการด้วย ก็จะมีจำนวนแรงงานมากกว่าแสนคนขึ้นไป จึงอาจจะกล่าวได้ว่า อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศไทยเพราะนอกจากจะสร้างงานจำนวนมากให้แก่ประเทศแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการปรับพื้นฐานโครงสร้างเศรษฐกิจทางด้านอุตสาหกรรมให้มั่นคงด้วย จึงสมควรอย่างยิ่งที่เราจะต้องให้ความสนใจ และร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาให้ป็นอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยตลอดไป

ดูเพิ่มเติมเรื่อง อุตสาหกรรม เล่ม ๒


[กลับหัวข้อหลัก]

รถยนต์ที่รอส่งไปจำหน่ายในต่างประเทศ



การขนส่งโดยรถบรรทุกพ่วง


[ดูภาพทั้งหมดในเรื่องนี้]



บรรณานุกรม
• นายวัชระ พรรณเชษฐ์

[กลับหัวข้อหลัก]




Ads by Google
คอนกรีต ผสมเสร็จ TPI - ทุกพื้นที่ ราคาพิเศษ คุณภาพสูง สำหรับงาน พื้น คาน เสา 081-9044387
www.idindeed.com
ประกันรถ...เบี้ยถูกที่สุด - โทร.081-9000-916 (24ชม.) เช็คเบี้ยผ่านwebราคาพิเศษ
www.ancbroker.com
น้ำหอม ดึงดูดทางเพศ - เพิ่มรัก สร้างเสน่ห์ ปลุกอารมณ์ได้ เห็นผลแน่นอน ของแท้ นำเข้าจากยุโรป
www.sanaeh.com



บทความอื่น ๆ ของสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ





บทความอื่น ของสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 24 สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มอื่น
กรุงศรีอยุธยา
การกลั่นน้ำมันและการนำไปใช้ประโยชน์
การผลิตปูนซีเมนต์
การผลิตรถจักรยานยนต์
การพัฒนาและการผลิต
คอนกรีต (CONCRETE)
พันธุ์ไม้ที่ใช้เป็นยารักษาโรค
เมืองเชียงใหม่
โรคเกิดจากเชื้อปรสิต
วรรณคดีมรดกของไทยสมัยธนบุรี
สารานุกรมไทย ฉบับกาญจนาภิเษก
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 3
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 4
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 6
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 10
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 14
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 15
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 22
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 23
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 25

>> ดูบทความ ทั้งหมด >> สารานุกรมไทยฯ ทั้งหมด



Ads by Google
ดุฤกษ์ออกรถ-สีรถถูกโฉลก
ดูฤกษ์ออกรถ เลือกสีรถ ติดฟิล์มวีคูล เคลือบสีระบบ Glass Coating ที่นี่
www.27speed.com/02-7415906-7
ผลิตเครื่องจักร
ปรึกษาการแปรรูปอาหารด้วยเครื่องจักร ขายเครื่องจักร แปรรูปอาหาร...
www.ADV-UniqueTools.com/Machine
สายพานลำเลียง MUI
ผู้ผลิต สายพานลำเลียง คุณภาพ ราคาขายส่ง ตรงถึงโรงงานอุตสาหกรรม
www.MuiRubberBelt.com
อยากขับรถยนต์ในฝัน
ใช้เวลาว่าง ทำรายได้5000บ/อาทิตย์ เพียงคุณมี Internet และ มือถือ
www.hispeedbiz.com
รับสั่งทำปลั๊กไฟ
ผู้ผลิตและจำหน่ายส่งรางปลั๊กไฟ ผลิตตามสเปคหรือทำแบรนด์ลูกค้าได้




http://guru.sanook.com/encyclopedia/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C/