วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

การใช้โปรเเกรม Microsoft Excel

โปรแกรมสำเร็จรูป Microsoft Excel

โปรแกรม Microsoft Excel เป็นโปรแกรมที่เหมาะกับงานทางด้าน การคำนวณ การตีตาราง การหาค่าสูตรต่าง ๆ ตลอดจนสามารถนำข้อมูล ไปสร้างเป็นกราฟ เพื่อแสดงแผนภูมิต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งถ้าเรามีการเปลี่ยนแปลงตัวเลขใด ๆ โปรแกรมก็จะทำการคำนวณ สูตรที่เชื่อมโยงกับตัวเลขนั้น ๆ ให้โดยอัตโนมัติ


การเข้าสู่โปรแกรม Microsoft Excel

1. คลิ๊กที่ปุ่ม Start

2. เลื่อนขึ้นไปที่หัวข้อ Program

3. เลื่อนมาด้านขวา คลิ๊กที่โปรแกรม Microsoft Excel


ส่วนประกอบต่าง ๆ ของหน้าจอโปรแกรม Microsoft Excel

1. เมื่อเปิดโปรแกรมมาแล้ว จะเห็นว่าหน้าจอจะตีตารางเป็นช่อง ๆ เราเรียกว่า กระดาษทำการ Work Sheet

2. ด้านบนที่เห็นเป็นตัวอักษร A , B , C , D , E , …….. เป็นการแบ่งแนวตั้งเราเรียกว่า คอลัมน์ Column

3. ด้านซ้ายที่เห็นเป็นตัวเลข 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , ………… เป็นการแบ่งแนวนอนเราเรียกว่า แถว Row

4. จุดตัดระหว่าง คอลัมน์ กับ แถว เราเรียกว่า เซลล์ Cell

5. ที่ Cell A1 จะมีกรอบสีดำเข้ม สามารถเลื่อนไปยัง Cell ต่าง ๆ ได้ เราเรียกว่า ตัวชี้ตำแหน่งเซลล์ ปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ Cell Pointer

การเลื่อน Cell Pointer

1. ใช้เม้าส์คลิ๊กที่ เซลล์ ที่เราต้องการเลื่อน

2. ใช้ลูกศร สี่ทิศ ที่แป้นพิมพ์ในการเลื่อน

3. ใช้ปุ่ม Ctrl + Home เพื่อเลื่อนกลับมาที่ เซลล์ A1

4. ใช้ปุ่ม Ctrl + ลูกศร ขวา เพื่อเลื่อนมา คอลัมน์ ขวาสุด

5. ใช้ปุ่ม Ctrl + ลูกศร ลง เพื่อเลื่อนลงมาบรรทัดสุดท้าย

6. ใช้ปุ่ม Page Up หรือ Page Down เพื่อ เลื่อน ขึ้น หรือ ลง ทีละ 1 หน้าจอภาพ


การพิมพ์ข้อมูลลงใน Cell

1. เลื่อนเซลล์ ไปยังเซลล์ ที่ต้องการจะป้อนข้อมูล

2. พิมพ์ข้อมูลที่ต้องการ

3. กดปุ่ม Enter หรือ ใช้ลูกศร ที่แป้นพิมพ์เพื่อ เลื่อนไปทางขวา หรือ ขึ้น ลง ได้


การลบข้อมูลในเซลล์

1. เลื่อนเซลล์ ไปยังเซลล์ ที่ต้องการจะลบ

2. กดปุ่ม Delete ที่แป้นพิมพ์


การแก้ไขข้อมูล

1. เลื่อนเซลล์ ไปยังเซลล์ ที่ต้องการจะแก้ไขข้อมูล

2. กดปุ่ม F2 ที่แป้นพิมพ์

3. ทำการแก้ไขข้อมูล (สามารถใช้ลูกศร ซ้าย – ขวา ที่แป้นพิมพ์ในการเลื่อนเคอร์เซอร์ได้)

4. เสร็จการแก้ไขข้อมูล โดยการกดปุ่ม Enter


การย้ายข้อมูล (Move)

1. เลื่อนเซลล์ไปยังเซลล์ที่จะย้ายข้อมูล

2. นำเม้าส์มาแตะที่ขอบของ Cell Pointer เม้าส์จะเปลี่ยนจากรูป บวก ที่เป็นกาชาด มาเป็นลูกศร

3. กดปุ่มซ้ายของเม้าส์ ค้างไว้ เลื่อน เซลล์ได้เลย


การคัดลอกข้อมูล (Copy)

1. เลื่อนเซลล์ไปยังเซลล์ที่จะคัดลอกข้อมูล

2. นำเม้าส์มาแตะที่จุดสี่เหลี่ยมสีดำตรงมุมขวาล่างของ Cell Pointer เม้าส์จะเปลี่ยนเป็นเครื่องหมายบวก

สีดำ

3. กดปุ่มซ้ายของเม้าส์ค้างไว้ แล้วเลื่อนไปยังเซลล์ที่จะคัดลอกไปได้เลย

การปรับความกว้างของคอลัมน์

1. เลื่อนเม้าส์ไปชี้ที่เส้นแบ่งระหว่างคอลัมน์ (เม้าส์จะเปลี่ยนเป็นรูปลูกศรสีดำ ซ้าย – ขวา)

2. กดเม้าส์ค้างไว้ แล้วลากเม้าส์เพื่อปรับความกว้าง หรือจะดับเบิ้ลคลิ๊ก เพื่อให้เครื่อง

ปรับความกว้างอัตโนมัติ


การเขียนสูตรเพื่อทำการคำนวณในเอ็กเซล

1. คลิ๊กที่เซลล์ที่ต้องการจะคำนวณ

2. กดเครื่องหมาย เท่ากับ = เพื่อให้เอ็กเซลทราบว่า ช่องนี้ต้องการทำการคำนวณ

3. พิมพ์สูตรที่ต้องการคำนวณลงไป เช่น พิมพ์ว่า =D3*3% (D3 คือ เซลล์ที่เก็บตัวเลขที่เราจะดึงมาทำการคำนวณ)

4. เมื่อพิมพ์สูตรเสร็จแล้ว ให้กดปุ่ม Enter เครื่องจะทำการคำนวณคำตอบให้


การคัดลอกสูตร (Copy สูตร)

1. เลื่อนเซลล์ ไปยังเซลล์ที่จะคัดลอกสูตร

2. เลื่อนเม้าส์มาชี้ที่จุดสี่เหลี่ยมสีดำ ด้านล่างขวาของกรอบสีดำ เม้าส์จะเปลี่ยนเป็นเครื่องหมาย บวก สีดำ

3. กดปุ่ม ซ้าย ของเม้าส์ ค้างไว้ แล้วเลื่อนเม้าส์ลงมาเรื่อยจนครบทุกช่องที่จะก๊อปปี้


4. เมื่อปล่อยเม้าส์ เครื่องก็จะทำการคำนวณทุกช่องให้เอง


ถ้าทำการก๊อปปี้แล้วตัวเลขเกิดรางรถไฟขึ้นมา ############## ความหมายคือความกว้างไม่พอ

1. เลื่อนเม้าส์ไปที่เส้นแบ่งระหว่างคอลัมน์ ที่เราจะปรับด้านบน (เม้าส์จะเปลี่ยนเป็นรูป ลูกศรสีดำ

ซ้าย – ขวา)

2. ดับเบิ้ลคลิ๊ก เพื่อปรับความกว้างอัตโนมัติ


การคำนวณหายอดรวม

1. เลื่อนเซลล์ ไปยังเซลล์ที่ต้องการจะหายอดรวม

2. ด้านบน คลิ๊กที่ปุ่ม ซิกม่า (เป็นรูปตัว S )

3. จากนั้นที่เซลล์ จะมีคำสั่งให้ว่า =SUM(ตามด้วยกลุ่มเซลล์)

4. กดปุ่ม Enter เครื่องจะคำนวณหาคำตอบให้


การผสานเซลล์ให้เป็นช่องเดียวกัน จะใช้ในกรณีที่ต้องการให้ข้อความจัดกลางระหว่างคอลัมน์ หลาย ๆ คอลัมน์ เช่น ต้องการให้ชื่อบริษัท ในบรรทัดแรกอยู่ตรงกลางระหว่าง คอลัมน์ A ถึงคอลัมน์ F

วิธีการคือ

1. นำเม้าส์ไปวางที่เซลล์ A1 จากนั้นกดเม้าส์ค้างไว้ ลากมาทางขวาจนถึงคอลัมน์ F1

2. ด้านบน คลิ๊กที่ปุ่ม a เล็ก (ถ้าเลื่อนเม้าส์ไปวางไว้ จะมีคำว่า ผสานและจัดกึ่งกลาง)

3. เครื่องจะทำการผสานเซลล์ แล้วนำข้อความมาจัดกลางให้


การให้เครื่องใส่หมายเลขลำดับที่ต่อเนื่องกันไป เช่น ต้องการให้ลำดับที่เป็น 1 , 2 , 3 , 4 , ไปเรื่อย ๆ


1. คลิ๊กที่เซลล์ที่ต้องการจะเริ่มเลข 1

2. ใส่เครื่องหมายฟันเดียว ‘ ตรงแป้นพิมพ์อักษร ง ไม่ต้องยกแคร่ พิมพ์เลข 1 แล้วกด Enter

3. เลข 1 จะชิดด้านซ้าย เลื่อนเซลล์กลับมาที่เลข 1 ทำการก๊อปปี้ (เลื่อนเม้าส์ ชี้ ตรงจุดสี่เหลี่ยมสีดำตรงมุมล่างขวา เม้าส์จะเปลี่ยนรูปเป็นเครื่องหมาย บวก สีดำ กดเม้าส์ค้างไว้ แล้วลากเม้าส์ลงมาตามต้องการ พอปล่อยเม้าส์ เครื่องจะใส่ตัวเลขเรียงลำดับให้เอง)


การตีตาราง

1. ลากเม้าส์คลุมเซลล์ที่เราต้องการจะตีตาราง

2. ด้านบนที่แถบเครื่องมือบรรทัดที่สอง (แถบจัดรูปแบบ) นับจากด้านหลังปุ่มที่ 3 จะเป็นปุ่มเส้นขอบ ให้คลิ๊กที่ปุ่มสามเหลี่ยมเล็ก ๆ หลังปุ่มเส้นขอบ

3. เครื่องจะมีเส้นขอบให้เลือก ให้เลือกปุ่มที่อยู่ในบรรทัดที่ 3 ปุ่มที่ 2 เครื่องจะมีคำว่า เส้นขอบทั้งหมด

4. เครื่องจะตีตารางให้ คลิ๊กเม้าส์ที่เซลล์ไหนก็ได้ เพื่อยกเลิกแถบที่เราลากไว้


การ Save ข้อมูล จะแบ่งเป็น 2 กรณี


ถ้าเป็นการ Save ครั้งแรก หมายถึง เพิ่งพิมพ์งานใหม่

1. คลิ๊ก เมนู แฟ้ม

2. ลงมาคลิ๊กที่คำสั่ง บันทึกเป็น (Save As)

3. จะขึ้นหน้าต่าง Save As จากนั้นในช่องชื่อแฟ้ม เครื่องจะนำเอาบรรทัดแรกที่เราพิมพ์ มาเป็นชื่อแฟ้ม แต่ถ้าเราไม่เอาชื่อแฟ้มนั้นก็ ลบทิ้ง พิมพ์ชื่อแฟ้มที่ต้องการลงไปแล้ว คลิ๊กปุ่ม บันทึก


ถ้าเป็นการ Save งานเดิม หมายถึง เรียกขึ้นมาเพื่อแก้ไข แล้วจะ Save ที่เราแก้ไข

1. คลิ๊ก เมนู แฟ้ม

2. ลงมาคลิ๊กที่คำสั่ง บันทึก (Save)

3. ตรงนี้เครื่องจะไม่ขึ้นหน้าต่าง ใด ๆ เลย เครื่องจะทำการ Save ลงที่แฟ้มเดิมที่เราเรียกใช้อยู่ เพราะเครื่องทราบว่าจะ Save ที่แฟ้มใดอยู่แล้ว


การยกเลิกเส้นตารางบางส่วนที่เราตีไปแล้ว

1. นำเม้าส์มา ลาก ส่วนที่เราจะยกเลิกเส้นตาราง

2. นำเม้าส์มาวางอยู่ในแถบที่เราลาก

3. คลิ๊กปุ่มขวาของเม้าส์เพื่อเข้าวิธีลัด

4. เครื่องจะปรากฏคำสั่งต่าง ๆ ให้เราลงมาคลิ๊กที่คำสั่ง จัดรูปแบบเซลล์

5. เครื่องจะขึ้นหน้าต่าง จัดรูปแบบเซลล์ ด้านบน ให้คลิ๊กที่หัวข้อ เส้นขอบ

6. ในช่อง เส้น , ลักษณะ ด้านขวา ให้คลิ๊กที่คำว่า ไม่มี

7. ด้านซ้ายในช่อง เส้นขอบ ให้คลิ๊กเส้นที่เราต้องการจะเอาออก

8. ด้านล่างคลิ๊กที่ปุ่ม ตกลง


การเปลี่ยนตัวอักษร ขนาด ลักษณะตัวอักษร สี

1. นำเม้าส์มาลากยังเซลล์ที่ต้องการจะเปลี่ยน

2. ด้านบนที่แถบเครื่องมือบรรทัดที่ 2 (แถบจัดรูปแบบ)

3. ช่องที่ 1 ที่มีคำว่า Cordia New ช่องนี้คือแบบอักษร ถ้าเราจะเปลี่ยนแบบอักษร ให้คลิ๊กที่ปุ่มสามเหลี่ยมสีดำหลังคำว่า Cordia New จากนั้นเลือกตัวอักษรที่เราต้องการ โดยต้องเลือกตัวอักษรที่มีคำว่า New หรือ UPC อยู่หลังแบบอักษร เพราะแบบอักษรนี้จะใช้ได้กับภาษาไทย

4. ช่องที่ 2 ที่มีตัวเลขเป็น 14 ช่องนี้คือ ขนาดของตัวอักษร ถ้าเราจะเปลี่ยนก็ให้คลิ๊กที่ปุ่ม สามเหลี่ยมสีดำ หลังเลข 14 แล้วเลือกขนาดได้ตามใจชอบ

5. ช่องที่ 3 จะเป็นตัวอักษร B ถ้าเราคลิ๊กลงไปจะได้ตัวอักษร หนาขึ้น ถ้าไม่เอา ให้คลิ๊กซ้ำลงไป


6. ช่องที่ 4 จะเป็นตัวอักษร I จะเป็นการทำตัวเอียง

7. ช่องที่ 5 จะเป็นตัวอักษร U จะเป็นการทำตัวขีดเส้นใต้

8. ช่องสุดท้าย จะเป็นตัวอักษร A จะเป็นการเลือกสีตัวอักษร ให้คลิ๊กที่ปุ่มสามเหลี่ยมสีดำหลังตัว A จะมีสีต่าง ๆ ให้เลือก ถ้าเราไม่เอาสีนั้นแล้วให้คลิ๊กที่คำว่า อัตโนมัติ

9. ช่องที่อยู่หน้าปุ่ม A ที่เป็นรูปกระป๋องสี คือการใส่สีพื้น ให้คลิ๊กที่ปุ่มสามเหลี่ยมสีดำหลังกระป๋องสี จะมีสีพื้นต่าง ๆ ให้เลือก แต่ถ้าเราเลือกไปแล้วจะไม่เอาสีพื้น ให้คลิ๊กที่คำว่า ไม่เติม

10. เมื่อเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว ให้นำเม้าส์คลิ๊กที่เซลล์ไหนก็ได้เพื่อยกเลิกแถบ


การคำนวณหาค่าต่าง ๆ

1. คลิ๊กที่เซลล์ที่เราจะเก็บคำตอบ

2. ด้านบนคลิ๊กที่ปุ่ม วางฟังก์ชั่น (อยู่ข้าง ๆ ปุ่มซิกม่าที่เป็นรูป fx)

3. เครื่องจะขึ้นหน้าต่าง วางฟังก์ชั่น

4. เลือกคำสั่งที่เราจะทำการคำนวณ

5. ด้านล่างคลิ๊กปุ่ม ตกลง

6. เครื่องจะขึ้นหน้าต่างเพื่อให้เราใส่กลุ่มเซลล์ที่เราต้องการจะทำการคำนวณ เช่น ถ้าเราต้องการหาค่าตั้งแต่ เซลล์ D3 ถึง เซลล์ D7 เราต้องพิมพ์ว่า D3:D7 ใช้เครื่องหมายคอลอนคั่น : จากนั้นด้านล่างคลิ๊กปุ่ม ตกลง เครื่องก็จะทำการคำนวณในเซลล์นั้นให้


คำสั่งที่ใช้ในการหาค่าต่าง ๆ

ต้องการหาค่าเฉลี่ย ใช้คำสั่ง AVERAGE

ต้องการหาค่าสูงสุด ใช้คำสั่ง MAX

ต้องการหาค่าต่ำสุด ใช้คำสั่ง MIN

ต้องการให้เครื่องตรวจสอบข้อมูล จริง กับ เท็จ ใช้คำสั่ง IF

ต้องการให้เครื่องเปลี่ยนเลขเป็นตัวอักษร ใช้คำสั่ง BAHTTEXT


การสร้างกราฟ (Graph) คือ การนำตัวเลข มาสร้างเป็นกราฟเพื่อสรุปเป็นแผนภูมิ

1. นำเม้าส์มาลากข้อมูลในแกน X เช่น ลากตั้งแต่เซลล์ B3 ถึง B7

2. นำเม้าส์มาลากข้อมูลในแกน Y เช่น ลากตั้งแต่เซลล์ D3 ถึง D7 ต้องกดปุ่ม Ctrl + ลากเม้าส์

3. ด้านบนที่แถบเครื่องมือที่ 1 ให้คลิ๊กปุ่ม ตัวช่วยสร้างแผนภูมิ (ที่เป็นรูปกราฟแท่ง)

4. เครื่องจะขึ้นหน้าต่าง ตัวช่วยสร้างแผนภูมิ ขั้น ที่ 1 จาก 4 – ชนิดแผนภูมิ

5. เครื่องจะถามทั้งหมด 4 ขั้นตอน ในขั้นตอนที่ 1 นี้เป็นการให้เราเลือกชนิดของกราฟที่เราต้องการสร้าง โดยด้านซ้าย คือ ชนิดของกราฟ มีทั้งกราฟ คอลัมน์ , กราฟแท่ง , กราฟเส้น , กราฟวงกลม เราก็คลิ๊ก ชนิดของกราฟที่เราต้องการลงไป ส่วนด้านขวาเป็นการเลือกแบบของกราฟ ว่าเราอยากได้กราฟแบบไหน เราก็คลิ๊กลงไป จากนั้น ด้านล่าง คลิ๊กที่ปุ่ม ถัดไป เพื่อไปสู่ขั้นตอนที่ 2

6. ในขั้นตอนที่ 2 เครื่องจะสร้างกราฟชนิดที่เราต้องการไว้ ตามที่เราลากข้อมูลแกน X และ Y ซึ่งในหน้าต่างขั้นที่ 2 นี้เราไม่ต้องทำอะไรเลย ให้ลงไปคลิ๊กที่ปุ่ม ถัดไป ด้านล่างได้เลย

7. ในหน้าต่างขั้นตอนที่ 3 นี้ จะเป็นการใส่สิ่งที่เครื่องไม่ได้ทำมาให้คือ

a. ด้านบนยังไม่มีคำอธิบายกราฟ วิธีใส่ก็คือ ด้านซ้ายให้คลิ๊กที่ช่อง ชื่อแผนภูมิ จะมีเคอร์เซอร์ เราก็พิมพ์ลงไป เช่น กราฟแสดงเงินเดือน (เมื่อพิมพ์เสร็จนั่งสักพัก เครื่องจะไปใส่ในกราฟด้านขวาให้เราเอง โดยไม่ต้องกดปุ่ม Enter)

b. ในกราฟแต่ละแท่งเครื่องยังไม่ได้บอกค่าว่าแต่ละแท่งมีค่าเท่าไหร่ วิธีการให้เครื่องแสดงค่าออกมาคือ ด้านบน ให้คลิ๊กที่หัวข้อ ป้ายชื่อข้อมูล และด้านซ้าย คลิ๊กที่ช่อง แสดงค่า


เสร็จแล้วด้านล่าง ให้คลิ๊กที่ปุ่ม ถัดไป เพื่อไปยังขั้นตอนที่ 4 ขั้นตอนสุดท้าย

8. ในขั้นตอนที่ 4 ให้คลิ๊กที่คำว่า เป็นแผ่นงานใหม่ แล้วคลิ๊กที่ปุ่ม เสร็จสิ้น เครื่องก็จะสร้างกราฟเสร็จเรียบร้อยตามที่เราต้องการ


การตกแต่งกราฟ

1. ถ้าต้องการเปลี่ยนสีของแท่งกราฟ


a. คลิ๊กที่แท่งแรกของกราฟ (จะขึ้นจุดสี่เหลี่ยมสีดำ แต่จะขึ้นทุกแท่ง) ให้คลิ๊กที่แท่งแรกของกราฟอีกครั้งนึง (จะขึ้นจุดสี่เหลี่ยมสีดำ ที่แท่งแรกเท่านั้น)


b. ให้นำเม้าส์วางที่แท่งแรกเหมือนเดิม แล้ว ดับเบิ้ลคลิ๊ก


c. จะขึ้นหน้าต่าง จัดรูปแบบจุดข้อมูล


d. คลิ๊กที่ช่องตารางสีที่เราต้องการจะเปลี่ยน


e. ด้านล่างคลิ๊กที่ปุ่ม ตกลง


f. จากนั้น ก็เลื่อนเม้าส์ไปวางแท่งที่ 2 แล้วดับเบิ้ลคลิ๊กได้เลย เปลี่ยนสีจนครบ


2. ถ้าต้องการเปลี่ยนสีที่ด้านหลังของแท่ง


a. เลื่อนเม้าส์ไปวางที่ด้านหลังของแท่ง (จะมีคำขึ้นมาว่า ผนัง)


b. ดับเบิ้ลคลิ๊กสองที


c. จะขึ้นหน้าต่าง จัดรูปแบบจุดข้อมูล ตรงนี้ถ้าเราอยากได้ สีผสมของเครื่องให้คลิ๊กที่ปุ่ม เติมลักษณะพิเศษ จะขึ้นหน้าต่าง การเติมลักษณะพิเศษ ขึ้นมาอีกหน้าต่าง จากนั้น ให้คลิ๊กที่คำว่า สีที่กำหนดไว้ ด้านขวาจะมีช่อง สีที่กำหนดไว้ เพิ่มขึ้นมา ในแถบจะมีคำว่า ก่อนอาทิตย์ตก แล้วด้านล่างจะมีสีตัวอย่างว่า ก่อนอาทิตย์ตก มีแบบไหนบ้าง ถ้ายังไม่ถูกใจ ให้คลิ๊กที่ปุ่ม สามเหลี่ยมด้านหลัง จะมีชื่อสีสำเร็จรูปต่าง ๆ เราก็คลิ๊กไป แล้วด้านล่าง จะแสดงสีของชื่อนั้น ถ้าเราถูกใจ ด้านขวาให้คลิ๊กที่ปุ่ม ตกลง เครื่องจะกลับมาที่หน้าต่าง แรก ให้เราคลิ๊กปุ่ม ตกลงด้านล่างอีกทีเครื่องก็จะใส่สีของผนังที่เราเลือกไว้


d. ถ้าเราต้องการจะเปลี่ยนสีของฐานของแท่ง ก็ทำเหมือนกัน คือ ให้เม้าส์ชี้ที่ด้านล่างระหว่างแท่ง เครื่องจะขึ้นคำว่า พื้น จากนั้นก็ดับเบิ้ลคลิ๊กทำตามขั้นตอนด้านบนอีกที


3. ถ้าต้องการเปลี่ยนสีด้านนอกของกราฟ


a. ให้เลื่อนเม้าส์ไปวางตรงมุมบนขวาภายนอกของกราฟ จะขึ้นคำว่า พื้นที่แผนภูมิ


b. ดับเบิ้ลคลิ๊กสองที จะขึ้นหน้าต่าง จัดรูปแบบพื้นที่แผนภูมิ


c. ลงมาคลิ๊กที่ปุ่ม เติมลักษณะพิเศษ จะขึ้นหน้าต่างซ้อนขึ้นมา ชื่อว่า เติมลักษณะพิเศษ


d. ด้านบน คลิ๊กที่หัวข้อ พื้นผิว เครื่องจะขึ้นพื้นผิวต่าง ๆ ให้เราเลือก เมื่อเลือกเสร็จแล้ว ให้คลิ๊กที่ปุ่ม ตกลงด้านขวามือ เครื่องจะกลับมาที่หน้าต่างแรก ด้านล่างให้คลิ๊กที่ปุ่ม ตกลงอีกที









http://www.yimwhan.com/board/show.php?user=watchaischool&Cate=25&topic=10

จริยธรรมเเละความปลอดภัย

เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลกระทบต่อสังคมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประเด็นจริยธรรมที่เกี่ยวกับระบบสารสนเทศที่จำเป็นต้องพิจารณา รวมทั้งเรื่องความปลอดภัย ของระบบสารสนเทศการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ หากไม่มีกรอบจริยธรรมกำกับไว้แล้ว สังคมย่อมจะเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาไม่สิ้นสุด รวมทั้งปัญหาอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ด้วย ดังนั้นหน่วยงานที่ใช้ระบบสารสนเทศจึงจำเป็นต้องสร้างระบบความปลอดภัยเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว

ประเด็นเกี่ยวกับจริยธรรม
คำจำกัดความของจริยธรรมมีอยู่มากมาย เช่น “หลักของศีลธรรมใ นแต่ละวิชาชีพเฉพาะ”
“มาตรฐานของการประพฤติปฏิบัติในวิชาชีพที่ได้รับ” “ข้อตกลงกันในหมู่ประชาชนในการกระทำสิ่งที่ถูก และหลีกเลี่ยงการกระทำสิ่งที่ผิด” หรืออาจสรุปได้ว่า จริยธรรม (Ethics) หมายถึง หลักของความถูกและความผิดที่บุคคลใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ

กรอบความคิดเรื่องจริยธรรม
หลักปรัชญาเกี่ยวกับจริยธรรม มีดังนี้ (Laudon & Laudon, 1999)
R.O. Mason และคณะ ได้จำแนกประเด็นเกี่ยวกับจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศเป็น 4 ประเภทคือ ความเป็นส่วนตัว (Privacy) ความถูกต้องแม่นยำ (Accuracy) ความเป็นเจ้าของ (Property) และความสามารถในการเข้าถึงได้ (Accessibility) (O’Brien, 1999: 675; Turban, et al., 2001: 512)
1) ประเด็นความเป็นส่วนตัว (Privacy) คือ การเก็บรวบรวม การเก็บรักษา และการเผยแพร่ ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับปัจเจกบุคคล
2) ประเด็นความถูกต้องแม่นยำ (Accuracy) ได้แก่ ความถูกต้องแม่นยำของการเก็บรวบรวมและวิธีการปฏิบัติกับข้อมูลสารสนเทศ
3) ประเด็นของความเป็นเจ้าของ (Property) คือ กรรมสิทธิ์และมูลค่าของข้อมูลสารสนเทศ (ทรัพย์สินทางปัญญา)
4) ประเด็นของความเข้าถึงได้ (Accessibility) คือ สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศได้และการจ่ายค่าธรรมเนียมในการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศ

การคุ้มครองความเป็นส่วนตัว (Privacy)

ความเป็นส่วนตัวของบุคคลต้องได้ดุลกับความต้องการของสังคม
สิทธิของสาธารณชนอยู่เหนือสิทธิความเป็นส่วนตัวของปัจเจกชน
การคุ้มครองทางทรัพย์สินทางปัญญา
ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้ที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยปัจเจกชน หรือนิติบุคคล ซึ่งอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของกฎหมายลิขสิทธิ์ กฎหมายความลับทางการค้า และกฎหมายสิทธิบัตร
ลิขสิทธิ์ (copyright) ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 หมายถึง สิทธิ์แต่ผู้เดียวที่จะกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้ทำขึ้น ซึ่งเป็นสิทธิ์ในการป้องกันการคัดลอกหรือทำซ้ำในงานเขียน งานศิลป์ หรืองานด้านศิลปะอื่น ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวลิขสิทธิ์ทั่วไป มีอายุห้าสิบปีนับแต่งานได้สร้างสรรค์ขึ้น หรือนับแต่ได้มีการโฆษณาเป็นครั้งแรก ในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีอายุเพียง 28 ปี
สิทธิบัตร (patent) ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 หมายถึง หนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ โดยสิทธิบัตรการประดิษฐ์มีอายุยี่สิบปีนับแต่วันขอรับสิทธิบัตร ในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะคุ้มครองเพียง 17 ปี

อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ (Computer Crime)
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์อาศัยความรู้ในการใช้เครื่องมือคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่น โดยสามารถทำให้เกิดความเสียหายด้านทรัพย์สินเงินทองจำนวนมหาศาลมากกว่าการปล้นธนาคารเสียอีก นอกจากนี้อาชญากรรมประเภทนี้ยากที่จะป้องกัน และบางครั้งผู้ได้รับความเสียหายอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

เครื่องคอมพิวเตอร์ในฐานะเป็นเครื่องประกอบอาชญากรรม
เครื่องคอมพิวเตอร์ในฐานะเป็นเป้าหมายของอาชญากรรม
การเข้าถึงและการใช้คอมพิวเตอร์ที่ไม่ถูกกฎหมาย
การเปลี่ยนแปลงและการทำลายข้อมูล
การขโมยข้อมูลข่าวสารและเครื่องมือ
การสแกมทางคอมพิวเตอร์ (computer-related scams)
การรักษาความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์
การควบคุมที่มีประสิทธิผลจะทำให้ระบบสารสนเทศมีความปลอดภัยและยังช่วยลดข้อผิดพลาด การฉ้อฉล และการทำลายระบบสารสนเทศที่มีการเชื่อมโยงเป็นระบบอินเทอร์เน็ตด้วย ระบบการควบคุมที่สำคัญมี 3 ประการ คือ การควบคุมระบบสารสนเทศ การควบคุมกระบวนการทำงาน และการควบคุมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก (O’Brien, 1999: 656)

การควบคุมระบบสารสนเทศ (Information System Controls)

การควบคุมอินพุท
การควบคุมการประมวลผล
การควบฮาร์ดแวร์ (Hardware Controls)
การควบคุมซอฟท์แวร์ (Software Controls)
การควบคุมเอาท์พุท (Output Controls)
การควบคุมความจำสำรอง (Storage Controls)
การควบคุมกระบวนการทำงาน (Procedural Controls)

การมีการทำงานที่เป็นมาตรฐาน และมีคู่มือ
การอนุมัติเพื่อพัฒนาระบบ
แผนการป้องกันการเสียหาย
ระบบการตรวจสอบระบบสารสนเทศ (Auditing Information Systems)
การควบคุมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่น (Facility Controls)

ความปลอดภัยทางเครือข่าย (Network Security)
การแปลงรหัส (Encryption)
กำแพงไฟ (Fire Walls)
การป้องกันทางกายภาพ (Physical Protection Controls)
การควบคุมด้านชีวภาพ (Biometric Control)
การควบคุมความล้มเหลวของระบบ (Computer Failure Controls)



http://www.bcoms.net/temp/lesson11.asp

ภาษาโปรเเกรมคอมพิวเตอร์

ประมาณปี พ.ศ. 2514 ดร.นิคลอล เวียร์ต (Professor Doctor Nicklaus Wirth) ชาวเมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้พัฒนาภาษาสำหรับเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ขึ้นมาภาษาหนึ่ง ซึ่งจุดมุ่งหมายหลักในการพัฒนาภาษานี้ คือ ให้เป็นภาษาสำหรับฝึกเขียนโปแกรมสั่งงานคอมพิวเตอร์อย่างมีระบบและมีระเบียบ และได้กำหนดให้ภาษาใหม่นี้มีชื่อว่า ภาษาปาสคาล (Pascal Language) เพื่อเป็นเกียรติแก่ Blaise Pascal นักคณิตศาสตร์และปรัชญาแมธีชาวฝรั่งเศสผู้สร้างเครื่องคิดเลขเครื่องแรกของโลก


ภาษาปาสคาลมีต้นแบบมาจากภาษา ALGOL (Algorithmic Language) และตัวภาษาปาสคาลเองก็ได้ถูกพัฒนาต่อไปเป็นภาษาที่รู้จักกันในชื่อต่าง ๆ เช่น ภาษา MODULA2 ภาษา Ada ซึ่งเป็นภาษาที่ได้รับการคาดหมายว่าจะได้รับความนิยมในอนาคต แต่เป็นภาษาใหม่ที่มีโครงสร้างซับซ้อน


การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาปาสคาลต้องเขียนโปรแกรมแบบมีโครงสร้างและมีระเบียบ แบบแผน เป็นภาษาที่ไม่มีหมายเลขบรรทัดแต่ทำงานตามลำดับโครงสร้างของโปรแกรม ดังนั้นภาษาปาสคาลเหมาะกับการศึกษาภาษาที่ใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์โดย ตรงและวิธีการเขียนโปรแกรมที่ถูกต้องเพื่อนำไปใช้ในการเขียนโปรแกรมภาษาชั้น สูงอื่น ๆ และ ภาษาเครื่อง รวมทั้งซอฟต์แวร์กึ่งสำเร็จรูป ต่อไปได้

สัญลักษณ์เบื้องต้น (Basic Symbol)

สัญลักษณ์ที่ใช้ในภาษาปาสคาลแบ่งออกได้เป็น 3 พวก ได้แก่

1. letter ได้แก่ A-Z , a-z และ มีขีดล่าง (_ อ่านว่า Underscore)

2. digit ได้แก่ 0-9 3 . Special symbol สัญลักษณ์พิเศษได้แก่ + - * / = ^ () [] {}. , : ; ' # $


หมายเหตุ ไม่มีความแตกต่างระหว่างอักษรพิมพ์ใหญ่และอักษรพิมพ์เล็ก

คำอธิบาย

โดยหลักการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาปาสคาลแล้วจะต้องเขียนโปรแกรมให้ถูกต้องตามรูปแบบของคำสั่งภาษาซึ่งจะมีความหมายในตัวเองแล้ว แต่บางครั้งถ้าต้องการคำอธิบายเพิ่มเติมเพื่อสร้างความเข้าใจสามารถเขียนคำอธิบายเพิ่มเติมไว้ได้ในเครื่องหมาย { } ซึ่งสิ่งที่อยู่ในเครื่องหมาย { } ภาษาปาสคาลจะไม่ทำการคอมไพ

การเขียนคำอธิบายอาจจะเขียนอยู่ในโปรแกรม คือ ตั่งแต่คำว่า PROGRAM จนถึงคำว่า END. หรือจะอยู่นอกโปรแกรมก็ได้ เช่น

ตัวอย่าง 1.3.1 การเขียนคำอธิบายในโปรแกรม

Program Show Name;


Uses Crt;


Ch : Char;


Begin

{โปรแกรมแนะนำตนเอง}


Clrscr;

Writeln(‘อรทัย ชัยรัตนศักดิ์’);

Writeln(‘โปรแกรมวิทยาการคอมพิวเตอร์ ’);

Writeln(‘สถาบันราชภัฎพิบูลสงคราม’);


Ch := read key;

End.

ตัวอย่าง 1.3.2 การเขียนคำอธิบายนอกโปรแกรม

{โปรแกรมแนะนำตนเอง}

Program Show Name;


Uses Crt;


Ch : Char;

Begin

Closure;


Written(‘อรทัย ชัยรัตนศักดิ์’);


Written(‘โปรแกรมวิทยาการคอมพิวเตอร์ ’);

Written(‘สถาบันราชภัฎพิบูลสงคราม’);

Ch := read key;

End.


ชื่อ (Identifier)

ชื่อ ได้แก่ ชื่อที่ใช้ในโปรแกรม เช่น ใช้เป็นชื่อโปรแกรม ชื่อตัวแปร ชื่อตัวคงที่ ชื่อ procedure ชื่อ Function ชื่อประกอบขึ้นจาก letter หรือ digit แต่จะต้องไม่ขึ้นต้นด้วย digit และจะต้องไม่มีช่องว่างในส่วนประกอบเหล่านี้ ชื่อต้องมีความยาวอย่างน้อย 1 อักขระ แต่ไม่เกิน 127 อักขระ หรือไม่เกิน 1 ไลน์ (Line)

ตัวอย่าง
1. ต่อไปนี้เป็น identifier

power ,Supper ,x_bar ,X2

2. ต่อไปนี้ไม่เป็น identifier

4time ไม่เป็นเพราะขึ้นต้นด้วยตัวเลข

No. ไม่เป็นเพราะมีเครื่องหมาย .

name#5 ไม่เป็นเพราะมีเครื่องหมาย #


xy 8 ไม่เป็นเพราะมีช่องว่าง

คำในภาษาปาสคาล (Word)


Word ได้แก่คำที่ใช้ในปาสคาลแบ่งออกได้เป็น

1. คำสงวน (Reserved Word) ได้แก่คำที่ใช้ในการกำหนดรูปแบบต่าง ๆ ในProgram ตามข้อกำหนดของภาษาปาสคาล ซึ่งคำสงวนนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ และไม่สามารถนำมาตั้งเป็นชื่อได้


2. คำมาตรฐาน (Standard Word) ได้แก่คำที่เป็น Procedure หรือ Functionมาตรฐาน เป็นคำที่เปรียบเสมือนคำสั่งในโปรแกรม แต่ตัวมันเองเป็นโปรแกรม สามารถนำคำมาตรฐานมาเป็นชื่อได้แต่ไม่ควรทำเพราะจะทำให้เสียความหมายเดิมไป จึงต้องระวังอย่ากำหนดชื่อให้ซ้ำกับคำมาตรฐาน คำมาตรฐานได้แก่คำที่กำหนดใหม่ (User defined Word) โดยผู้ใช้ ซึ่งอาจจะเขียนเป็น Procedure หรือ Function และต้องไม่เป็นคำที่ปรากฏในข้อ 1, 2

ค่าคงที่ (Constants)


ค่าคงที่ (Constants) คือ ค่าที่กำหนดขึ้นมาใช้ในโปรแกรม โดยค่าคงที่นี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงค่านั้นอีกตลอดการรันโปรแกรมนั้น ๆ เช่น


‘G’ เป็นค่าคงที่แบบอักขระ


‘Computer’ เป็นค่าคงที่แบบสตริง


2546 เป็นค่าคงที่แบบตัวเลข

หมายเหตุ


1. ค่าคงที่แบบอักขระและแบบสตริงต้องอยู่ในเครื่องหมายคำพูดเดี่ยวเท่านั้น (‘ ‘) และภายในเครื่องหมายคำพูดหากมีการเว้นช่องว่างจะถือว่าเป็นอักขระตัวหนึ่ง คือเป็นช่องว่างเมื่อออกจอภาพ

2. 2456 เป็นค่าคงที่แบบตัวเลข อ่านว่า สองพันสี่ร้อยห้าสิบหก สามารถนำไปทำการคำนวณทางคณิตศาสตร์ได้ แต่ถ้าเขียนไว้ในเครื่องหมายคำพูด ’2456’ จะเป็นค่าคงที่แบบสตริง อ่านว่า สองสี่ห้าหก ไม่สามารถนำมาทำการคำนวณทางคณิตศาสตร์ได้

แบบของข้อมูล (Data Type)

แบบของข้อมูล (Data Type) คือ การกำหนดคุณสมบัติให้กับตัวแปรข้อมูลชนิดนั้น ๆ ซึ่งแต่ละภาษาจะมีแบบของข้อมูลที่กำหนดมาให้เป็นมาตรฐานแล้ว เช่น Integer Real Boolean Char หรือผู้ใช้สามารถกำหนดแบบของข้อมูลชนิดใหม่ขึ้นมาใช้ได้ด้วยตัวเอง เช่น String Array

ตัวแปร (Variables)

ตัวแปร (Variables) คือ การตั้งชื่อหน่วยความจำที่ใช้ในการอ้างถึงหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลในภาษาเครื่องโดยอ้างถึงแอดเดรส สามารถอ่านค่าและเปลี่ยนแปลงค่าได้ตลอดเวลา

สำหรับขนาดของหน่วยความจำของแต่ละข้อมูลหรือแต่ละตัวแปรนั้น จะมีขนาดไม่เท่ากัน ขึ้นกับแบบของข้อมูลของตัวแปรนั้น ๆ และตัวแปรแต่ละตัวถ้ากำหนดมาสำหรับแบบข้อมูลแบบไหนจะเก็บข้อมูลแบบนั้นได้ เท่านั้นไม่สามารถเก็บข้อมูลแบบอื่น ๆ ได้ การกำหนดตัวแปร เช่น


Var I : Integer;


R : Real;


Ch : Char;


St : String(10);


เป็นการกำหนดตัวแปร I เก็บข้อมูลแบบ Integer คือจำนวนเต็ม R เป็นตัวแปรเก็บข้อมูลแบบจำนวนจริง Ch เป็นตัวแปรเก็บข้อมูลแบบอักขระ และ St เป็นตัวแปรเก็บข้อมูลแบบสตริงยาวไม่เกิน 10 อักขระ

การให้ค่าคงที่ตัวแปร (Aassignment Variables )

เมื่อกำหนดตัวแปรแล้ว การดำเนินการทำสำคัญกับตัวแปร คือ การให้ค่ากับตัวแปร ซึ่งทำได้ 2 วิธีการ คือ

1. การอ่านจากอุปกรณ์ภายนอก เช่น การรับข้อมูลจากคีย์บอร์ด การอ่านค่าจากไฟล์ข้อมูล

2. การให้ค่าแก่ตัวแปรในโปรแกรม การให้ค่าแก่ตัวแปรในโปรแกรม ด้วยเครื่องหมาย := หมายความว่า เอาค่าที่อยู่ทางด้านซ้ายมือของเครื่องหมาย มาเก็บไว้ที่ตัวแปรที่อยู่ทางด้านขวามือของเครื่องหมาย สิ่งที่อยู่ทางด้านซ้ายมือของเครื่องหมาย ต้องเป็นตัวแปรครั้งละ 1 ตัวเท่านั้น ส่วนสิ่งที่อยู่ทางด้านขวามือของเครื่องหมาย สามารถเป็นได้ คือ

1. ค่าคงที่ เช่น Num: = 3; เป็นการให้ค่า 3 แก่ตัวแปร Num


Name: = ‘อรทัย’; เป็นการให้ค่า ‘อรทัย’ แก่ตัวแปร Name

2. ตัวแปร เช่น Sum: = Num; เป็นการให้ค่า Num แก่ตัวแปร Sum ดังนั้น Sum ก็จะมีค่า 3 ตามค่าของ Num

3. นิพจน์ทางคณิตศาสตร์ เช่น Sum: = Num + 5; จะนำค่า Num มาเพิ่มอีก 5 แล้วให้ค่าแก่ตัวแปร Sum ดังนั้น Sum จะมีค่าเป็น 8



Num := Num + 1; จะนำค่า Num มาเพิ่มอีก 1 แล้วเก็บค่าไว้ที่ Num เหมือนเดิม ดังนั้น Num จะมีค่า เป็น 4


4. ฟังก์ชั่น เช่น Ch := Chr (125); เป็นการนำค่า 125 มาทำการแปลงด้วยคำสั่ง Chr ซึ่งเป็นการอ่านค่าตามรหัส ASCII ให้แก่ตัวแปร Ch

คณิตศาสตร์บูลีน (Boolean algebra)

คณิตศาสตร์บูลีน (Boolean Algebra) เป็นการดำเนินกรรมวิธีทางตรรกตัวดำเนินการ (Operators) ที่ใช้มากและมีในภาษาปาสคาลได้ได้ AND, OR และ XOR เรียกว่าตัวดำเนินการบูลีน (Boolean Operators) AND ให้ความเป็นจริงเมื่อเงื่อนไขเป็นจริงทั้งหมด นอกนั้นอีก 3 กรณีเป็นเท็จ OR ให้ความเป็นจริงเมื่อเงื่อนไขอันใดอันหนึ่งเป็นจริง ให้ความเป็นเท็จเมื่อเงื่อนไขเป็นเท็จทั้งหมด XOR ให้ความเป็นจริงเมื่อเงื่อนไขอันใดอันหนึ่งเป็นจริงเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ถ้าเหมือนทุกเงื่อนไขจะเป็นเท็จ





http://fws.cc/chokajub/index.php?topic=1012.0

การพัฒนาโปรเเกรม

บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ คุณสามารถพัฒนาบทความนี้ได้โดยเพิ่มแหล่งอ้างอิงตามสมควร บทความที่ไม่มีแหล่งอ้างอิงเลยอาจพิจารณาให้ลบ

การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (อังกฤษ: Computer programming) หรือเรียกให้สั้นลงว่า การเขียนโปรแกรม (อังกฤษ: Programming) หรือ การเขียนโค้ด (Coding) เป็นขั้นตอนการเขียน ทดสอบ และดูแลซอร์สโค้ดของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งซอร์สโค้ดนั้นจะเขียนด้วยภาษาโปรแกรม ขั้นตอนการเขียนโปรแกรมต้องการความรู้ในหลายด้านด้วยกัน เกี่ยวกับโปรแกรมที่ต้องการจะเขียน และอัลกอริทึมที่จะใช้ ซึ่งในวิศวกรรมซอฟต์แวร์นั้น การเขียนโปรแกรมถือเป็นเพียงขั้นหนึ่งในวงจรชีวิตของการพัฒนาซอฟแวร์

การเขียนโปรแกรมจะได้มาซึ่งซอร์สโค้ดของโปรแกรมนั้นๆ โดยปกติแล้วจะอยู่ในรูปแบบของ plain text ซึ่งไม่สามารถนำไปใช้งานได้ จะต้องผ่านการคอมไพล์ตัวซอร์สโค้ดนั้นให้เป็นภาษาเครื่อง (Machine Language) เสียก่อนจึงจะได้เป็นโปรแกรมที่พร้อมใช้งาน

การเขียนโปรแกรมถือว่าเป็นการผสมผสานกันระหว่างศาสตร์ของ ศิลปะ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ วิศวกรรม เข้าด้วยกัน [1]

เนื้อหา [ซ่อน]
1 ขั้นตอนการเขียนโปรแกรม
2 ภาษาโปรแกรม
3 ลิขสิทธิ์ทางปัญญา
4 สาขาวิชาที่มีการเรียนการสอนการเขียนโปรแกรม
5 ดูเพิ่ม
6 อ้างอิง

[แก้] ขั้นตอนการเขียนโปรแกรม
ขั้นตอนการเขียนโปรแกรมหรือพัฒนาโปรแกรม มีขั้นตอนโดยสังเขปดังนี้

วิเคราะห์ปัญหาและความต้องการ (Problem Analysis and Requirement Analysis)
กำหนดและคุณสมบัติของโปรแกรม (Specification)
การออกแบบ (Design)
การโค้ด (Coding)
การคอมไพล์ (Compilation)
การทดสอบ (Testing)
การจัดทำเอกสาร (Documentation)
การเชื่อมต่อ (Integration)
การบำรุงรักษา (Maintenance)
[แก้] ภาษาโปรแกรม
ภาษาโปรแกรมแต่ละภาษาจะมีลักษณะหรือรูปแบบการเขียนที่แตกต่างกัน การเลือกภาษาโปรแกรมหรือภาษาคอมพิวเตอร์เพื่อนำมาเขียนโปรแกรมนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่นนโยบายของบริษัท, ความเหมาะสมของโปรแกรมกับลักษณะงานที่จะถูกนำไปใช้, การเข้ากันได้กับโปรแกรมอื่น ๆ, หรืออาจเป็นความถนัดของแต่ละคน ภาษาโปรแกรมที่มีแนวโน้มในการนำมาเขียนมักเป็นภาษาที่มีคนที่สามารถเขียนได้ทันที หรือหากมีความจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้ภาษาอื่น เช่นต้องการเน้นประสิทธิภาพในการทำงานของโปรแกรม ก็อาจจำเป็นต้องหานักเขียนโปรแกรมขึ้นมาจำนวนหนึ่งซึ่งมีความรู้ความเข้าใจในภาษาโปรแกรมที่ต้องการ และต้องมีคอมไพเลอร์ที่รองรับภาษาเหล่านั้นด้วย

[แก้] ลิขสิทธิ์ทางปัญญา
การเขียนโปรแกรม หรือการพัฒนาซอฟต์แวร์ ถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของผู้พัฒนาหรือผู้เขียนโปรแกรมหรือบริษัทซอฟต์แวร์ ที่เป็นเจ้าของซอร์สโค้ดของโปรแกรมนั้นๆ โปรดดูรายละเอียดในเรื่อง ลิขสิทธิ์

[แก้] สาขาวิชาที่มีการเรียนการสอนการเขียนโปรแกรม
วิศวกรรมคอมพิวเตอร์
วิทยาการคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์เพื่อธุรกิจ
การจัดการสารสนเทศ
เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต
เทคโนโลยีสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศทางคอมพิวเตอร์




http://th.wikipedia.org/wiki/

การพัฒนาระบบสารสนเทศ

หน้า 1 จาก 4
การพัฒนาระบบสารสนเทศ

ความจำเป็นในการพัฒนาระบบสารสนเทศ

1. การเปลี่ยนแปลงกระบวนการบริหารและการปฏิบัติงาน ระบบเดิมไม่สามารถให้ข้อมูลหรือทำงานได้ตามต้องการ มีการดำเนินงานหลายขึ้นตอน ยุ่งยากในการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาจัดทำข้อมูลสรุปสำหรับการติดตามการปฏิบัติงานโดยรวมขององค์การ จึงจำเป็นต้องพัฒนาหรือปรับปรุงระบบสารสนเทศที่สามารถช่วยให้ขั้นตอนการปฏิบัติงานภายในและกระบวนการบริหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี เทคโนโลยีที่ใช้อยู่ในระบบสารสนเทศปัจจุบันล้าสมัย ค่าช้จ่ายในการบำรุงรักษาระบบมีราคาสูง จึงต้องรับเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ซึ่งทำให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานที่มีอยู่เดิม

3. การปรับองค์การและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

- ระบบที่ใช้งานอยู่ปัจจุบันมีขั้นตอนการทำงานที่ยุ่งยากซับซ้อน ขนาดเอกสารอ้างอิงหรือเอกสารที่มีอยู่ไม่ได้มารตรฐาน ทำให้การปรับปรุงหรือแก้ไขทำได้ยาก

- ความต้องการปรับองค์การให้เหมาะสมเพื่อสามารตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ

- ระบบปัจจุบันไม่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้

การพัฒนาระบบประกอบด้วย
1) กระบวนการทางธุรกิจ (Business Process) เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และขั้นตอนการดำเนินธุรกิจขององค์การ

- การปรับปรุงคุณภาพ

- การติดตามความล้มเหลวจากการดำเนินงาน

- การปรับค่าตอบแทนของพนักงานโดยใช้การปรับปรุงคุณภาพเป็นดัชนี

- การค้นหาและแก้ไขสาเหตุที่แท้จริงของความล้มเหลว

2) บุคลากร (People)

3) วิธีการและเทคนิค (Methodology and Technique) การเลือกใช้วิธีการและเทคนิคที่เหมาะสมกับลักษณะของระบบเป็นสิ่งสำคัญ

4) เทคโนโลยี (Technology) เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจึงต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบในการเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้มีความเหมาะสมกับลักษณะขอบเขตของระบบสารสนเทศแล ะงบประมาณที่กำหนด

5) งบประมาณ (Budget)

6) ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานภายในองค์การ (Infrastructure)

7) การบริหารโครงการ (Project Management)



ทีมงานพัฒนาระบบ
การพัฒนา IT เกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีหน้าที่รับผิดชอบกระบวนการพัฒนาระบบหลายกลุ่ม โดยทั่วไปจะมีการทำงานเป็นทีมที่ต้องอาศัยความรู้ ประสบการณ์ และทักษะจากกลุ่มบุคคล

1) คณะกรรมการ (Steering Committee)

2) ผู้บริหารโครงการ (Project Manager)

3) ผู้บริหารหน่วยงานด้านสารสนเทศ (MIS Manager)

4) นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst) ควรมีทักษะในด้านต่างๆ คือ

- ทักษะด้านเทคนิค

- ทักษะด้านการวิเคราะห์

- ทักษะดานการบริหารจัดการ

- ทักษะด้านการติดต่อสื่อสาร

5) ผู้ชำนาญการทางด้านเทคนิค

- ผู้บริหารฐานข้อมูล (Database Administrator : DBA)

- โปรแกรมเมอร์ (Programmer)

6) ผู้ใช้และผู้จัดการทั่วไป (User and Manager)



http://thailocal.nso.go.th/nso-cms/itdevelop.html

วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ระบบเลขฐานและตรรกศาสตร์

บทที่ 2 : ระบบเลขจำนวน

คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องจักรที่กลไกการทำงานพื้นฐานเป็นสองสถานะ (Binary) คือเปิดวงจรกับปิดวงจร ซึ่งสามารถแทนสถานะดังกล่าวได้ด้วยตัวเลขโดดสองตัวคือ 0 กับ 1 ข้อมูลแบบอื่นของคอมพิวเตอร์จะเกิดจากการประกอบรวมกันของเลข 0 กับ 1 เท่านั้น เราเรียกระบบเลขจำนวนที่ประกอบด้วยตัวเลข 0 กับ 1 เท่านั้นว่า “เลขฐาน 2”
ส่วนการนับของมนุษย์โดยปกตินั้น เราจะมีตัวเลขโดดอยู่สิบตัวคือ 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, และ 9 ซึ่งจะประกอบรวมกันเป็นระบบเลขจำนวนที่เรียกกันว่า “เลขฐาน 10” จะเห็นว่าระบบเลขจำนวนที่ใช้ในคอมพิวเตอร์มีความแตกต่างจากระบบเลขจำนวนที่มนุษย์ใช้กันโดยปกติ ดังนั้นเราจะต้องเรียนรู้ถึงทักษะในการคำนวณของระบบเลขจำนวนทั้งสองแบบรวมถึงวิธีการเปลี่ยนระบบเลขจำนวนไปมา

2.1 ความหมายของตัวเลขในหลักต่าง ๆ
ในระบบเลขฐานสิบนั้น ค่าของเลขโดด ณ ตำแหน่งใด ก็คือค่าของเลขโดดนั้นคูณด้วยสิบยกกำลังของตำแหน่งนั้น เช่น 12345 หมายความว่า ค่า 5 อยู่ในตำแหน่งหลักหน่วยซึ่งค่าของสิบยกกำลังของหลักหน่วยคือ 100 ค่า 4 อยู่ในตำแหน่งของหลักสิบ (101) ค่า 3 อยู่ในตำแหน่งของหลักร้อย (102) ค่า 2 อยู่ในตำแหน่งของหลักพัน (103) และค่า 1 อยู่ในตำแหน่งของหลักหมื่น (104) ซึ่ง 12345 สามารถเขียนอยู่ในรูปผลบวกทางคณิตศาสตร์ได้ดังนี้
12345 = (1 x 104) + (2 x 103) + (3 x 102) + (4 x 101) + (5 x 100)
= 10000 + 2000 + 300 + 40 + 5
จะเห็นว่าเลขกำลังของสิบจะเริ่มต้นจากศูนย์ที่หลักหน่วย แล้วเพิ่มขึ้นหนึ่งทุกครั้งในหลักถัดมาทางด้านซ้ายมือ ในกรณีที่เลขเป็นจำนวนทศนิยม ให้เริ่มกำลังศูนย์ที่หลักหน่วย แล้วลดกำลังลงหนึ่งทุกครั้งในหลักถัดไปทางด้านขวามือ ส่วนทางด้านซ้ายมือก็จะเป็นไปในรูปแบบเดิม เช่น 12.34 จะสามารถเขียนได้เป็น
12.34 = (1 x 101) + (2 x 100) + (3 x 10-1) + (4 x 10-2)
= 10 + 2 + 0.3 + 0.04
เราสามารถใช้หลักการเดียวกันนี้กับเลขฐานสองเพื่อหาค่าของจำนวนดังกล่าวในรูปของเลขฐานสิบ (ในความเป็นจริงแล้วสามารถที่จะนำไปใช้ได้กับเลขทุกฐาน) เช่น 1011.012 จะเขียนได้เป็น
1011.012 = (1 x 23) + (0 x 22) + (1 x 21) + (1 x 20) + (0 x 2-1) + (1 x 2-2)
= 8 + 0 + 2 + 1 + 0 + 0.25
= 11.25

2.2 การแปลงค่าจากเลขฐานสิบเป็นเลขฐานสอง
การแปลงเลขฐานสิบเป็นฐานสองจะมีขั้นตอนอยู่สองขั้นตอนคือ การแปลงเลขส่วนที่อยู่หน้าทศนิยมและการแปลงเลขส่วนที่อยู่หลังทศนิยม
การแปลงเลขในส่วนที่อยู่หน้าทศนิยม ให้นำเลขดังกล่าวมาหารด้วยสองไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นศูนย์ โดยการหารแต่ละครั้งจะได้เศษเป็น 0 หรือ 1 ลำดับของเศษที่เกิดขึ้นก็คือกำลังของเลขสอง กล่าวคือ เศษที่ได้จากการหารครั้งแรกจะเป็นเลขในหลัก 20, เศษที่เกิดจากการหารครั้งที่สองจะเป็นเลขในหลัก 21 เรื่อยไป




ตัวอย่าง จงเปลี่ยนค่า 1310 ให้เป็นเลขฐานสอง

2  13
6 เศษ 1
3 เศษ 0
1 เศษ 1
0 เศษ 1

 1310 = 11012

ส่วนการแปลงเลขหลังจุดทศนิยมนั้น จะใช้วิธีคูณตัวเลขนั้นด้วยสองไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีเลขหลังจุดทศนิยมเป็นศูนย์ ซึ่งในการคูณแต่ละครั้งอาจจะมีการทดค่าหลังจุดทศนิยมขึ้นมาเป็นตัวเลข 1 หน้าจุดทศนิยมหรือไม่ก็ได้ ในการคูณแต่ละครั้งก็เท่ากับว่าเราเลื่อนการคำนวณจากหลักแรกหลังจุดทศนิยม (2-1) ไปยังหลักต่อไป

ตัวอย่าง จงเปลี่ยนค่า 0.2510 ให้เป็นเลขฐานสอง
0.25
x 2
0.50
x 2
1.00


.01
 0.2510 = 0.012

ดังนั้นจากตัวอย่างข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า 13.2510 = 1101.012

2.3 การบวกและการลบเลขฐานสอง
การบวกเลขฐานสองมีหลักการเหมือนกับการบวกเลขฐานสิบ การบวกเลขในฐานสิบนั้นเมื่อผลบวกในหลักใดมีค่ามากกว่า 9 ก็จะต้องมีการทดเลข 1 ไปยังหลักถัดไป ซึ่งหลักเกณฑ์การทดเลขนี้ยังสามารถใช้ได้กับเลขฐานสอง เพียงแต่ว่าเลขโดดที่สูงที่สุดของเลขฐานสองคือ 1 ดังนั้นถ้าผลบวกมีค่าเกิน 1 ก็จะมีการทดไปยังหลักถัดไปทางซ้าย รูปแบบการบวกเป็นดังนี้

0 + 0 = 0
0 + 1 = 1
1 + 0 = 1
1 + 1 = 0 ทด 1

ตัวอย่าง จงบวกเลข 1011.1012 กับ 110.0112

1 0 1 1 . 1 0 1
+ 1 1 0 . 0 1 1
1 0 0 1 0 . 0 0 0

การลบเลขเป็นการดำเนินการที่ผกผันกับการบวก ในการลบ ถ้ามีการลบเลขที่มากกว่าจากเลขที่น้อยกว่า ต้องมีการขอยืมจากเลขในหลักถัดไปทางซ้ายมา 1 รูปแบบการลบเป็นดังนี้

0 - 0 = 0
0 - 1 = 1 ขอยืม 1
1 - 0 = 1
1 - 1 = 0

ตัวอย่าง จงลบเลข 1001.11 กับ 101.1

1 0 0 1 . 1 1
- 1 0 1 . 1 0
1 0 0 . 0 1

2.4 การคูณและการหารเลขฐานสอง
การคูณและการหารของเลขฐานสอง ก็มีหลักการเช่นเดียวกับเลขฐานสิบ เพียงแต่มีสูตรคูณแค่แม่ 0 กับ 1 เท่านั้น อีกทั้งการหารด้วยศูนย์ก็ไม่มีความหมายเช่นเดียวกับการหารในระบบเลขฐานสิบ ตารางการคูณและการหารของระบบเลขฐานสองคือ
0 x 0 = 0
0 x 1 = 0
1 x 0 = 0
1 x 1 = 1
0  1 = 0
1  1 = 1

ตัวอย่าง จงคูณเลขฐานสอง 1.01 x 10.1
1 . 0 1
x 1 0 . 1 0
1 0 1
0 0 0
1 0 1
1 1 . 0 0 1
จงหารเลขฐานสอง 11001  101
101
101  11001
101
101
101

2.5 เลขฐานแปดและเลขฐานสิบหก
ถึงแม้ว่าระบบคอมพิวเตอร์จะเข้าใจแต่ระบบเลขฐานสองเพียงอย่างเดียว แต่ในทางปฏิบัติจะเกิดปัญหากับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก เนื่องจากระบบเลขฐานสองมีจำนวนเลขโดดน้อยจึงต้องมีจำนวนหลักมากขึ้นเพื่อแทนค่าตัวเลขต่าง ๆ ทำให้จดจำได้ยาก จึงมีความพยายามในการรวมหลักของเลขฐานสองหลาย ๆ หลักเข้าด้วยกันเป็นเลขฐานที่ใหญ่ขึ้น เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ ซึ่งการแปลงเลขฐานที่ได้นี้กลับเป็นเลขฐานสองจะทำได้อย่างง่ายดายเนื่องจากแต่ละหลักของเลขฐานดังกล่าวแทนเลขฐานสองที่มีจำนวนหลักแน่นอน
โดยปกติแล้วเรามักจะรวมเลขฐานสองจำนวนสามหรือสี่หลักเป็นเลขฐานใหม่ เมื่อเรารวมเลขฐานสอง 3 หลักจะได้เลขที่มี 8 รูปแบบแตกต่างกันคือ 000, 001, 010, 011, 100, 101, 110, และ 111 ซึ่งเราสามารถใช้ตัวเลขโดด 0 ถึง 7 แทนเลขฐานสองในแต่ละแบบได้ ซึ่งระบบเลขจำนวนที่มีตัวเลขโดด 8 ตัวก็คือเลขฐานแปดนั่นเอง โดยที่เลขโดดแต่ละเลขของระบบเลขฐานแปดจะแทนรูปแบบของเลขฐานสองจำนวนสามหลักที่มีค่าเท่ากัน
ในทำนองเดียวกัน ถ้าเรามีเลขฐานสองจำนวนสี่หลัก ก็จะได้เลขฐานสองที่มี 16 รูปแบบแตกต่างกัน ซึ่งสามารถใช้เลขฐานสิบหกแทนแต่ละรูปแบบของเลขฐานสองได้ แต่เนื่องจากเรามีเลขโดดใช้งานกันแค่สิบตัว ดังนั้นจึงมีการนำตัว A – F มาแทนค่าเลขโดดที่มีค่า 10 – 15 แทน ทำให้เลขฐานสิบหกมีเลขโดดคือ 0 – 9 และ A – F
เลขฐานสิบ เลขฐานสอง เลขฐานแปด เลขฐานสิบหกๆ
0 0000 0 0
1 0001 1 1
2 0010 2 2
3 0011 3 3
4 0100 4 4
5 0101 5 5
6 0110 6 6
7 0111 7 7
8 1000 10 8
9 1001 11 9
10 1010 12 A
11 1011 13 B
12 1100 14 C
13 1101 15 D
14 1110 16 E
15 1111 17 F
ในการแปลงเลขฐานสองให้เป็นเลขฐานแปดหรือฐานสิบหกนั้น เราจะต้องจับกลุ่มเลขฐานสองให้ได้จำนวนหลักตามที่เลขโดดของฐานที่เราจะแปลงไป เช่น จับกลุ่มสามหลักสำหรับการแปลงเป็นฐานแปด เป็นต้น การจับกลุ่มจะเริ่มจับจากหลักทางด้านขวามือสุดก่อน ในกรณีที่เหลือเลขไม่ครบจำนวนหลักที่ต้องการให้เติมศูนย์ไปทางด้านซ้ายมือเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้จำนวนหลักที่ต้องใช้ จากนั้นจึงแปลงฐานเลขโดยแปลงทีละกลุ่มก็จะได้เลขฐานแปดหรือฐานสิบหกตามต้องการ

ตัวอย่าง จงแปลงเลขฐานสอง 1011011 ให้เป็นเลขฐานแปดและฐานสิบหก

แปลงเป็นเลขฐานแปด แปลงเป็นเลขฐานสิบหก

001 011 011 0101 1011

1 3 3 5 B

 10110112 = 1138 = 5B16

2.6 บิต, ไบต์, เวิร์ด และนิบเบิล
ข้อมูลต่าง ๆ ในระบบคอมพิวเตอร์มักจะไม่ได้มาจากเลขฐานสองเพียงแค่หลักเดียว เพื่อความสะดวกในการเรียกและความกระทัดรัดของจำนวนที่จะต้องใช้เรียก (คงไม่สะดวกนักถ้าต้องมีการเรียกกันว่า เลขฐานสอง 32 หลัก) ดังนั้นจึงได้มีการตั้งชื่อเฉพาะเรียกกลุ่มของเลขฐานสองที่มีจำนวนหลักตั้งแต่หนึ่งหลักขึ้น โดยชื่อต่าง ๆ มีดังนี้

เลขฐานสองหนึ่งหลักเรียก หนึ่ง“บิต” (bit)
4 บิต เท่ากับ หนึ่ง“นิบเบิล” (nibble) [ไม่ค่อยนิยมใช้กันนัก]
2 นิบเบิล เท่ากับ หนึ่ง“ไบต์” (byte)
2 ไบต์ เท่ากับ หนึ่ง“เวิร์ด” (word)
2 เวิร์ด เท่ากับ หนึ่ง“ดับเบิ้ลเวิร์ด” (double word)

2.7 ระบบเลข 2’ Complement
การคำนวณเลขฐานสองที่เราคุ้นเคยกัน มักจะเป็นเลขฐานสองที่มีค่าเป็นบวกอยู่เสมอ แต่ในความเป็นจริงเรามีการใช้งานจำนวนทั้งที่เป็นบวกและลบ ดังนั้นระบบคอมพิวเตอร์จึงต้องมีกลไกบางอย่างเพื่อระบุเครื่องหมายของตัวเลขต่าง ๆ ที่อยู่ในระบบ หนึ่งในวิธีการระบุเครื่องหมายของตัวเลขในระบบคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ วิธี 2’ Complement
วิธี 2’ Complement จะเริ่มจากการกำหนดจำนวนหลักสูงสุดของตัวเลข (จำนวนบิตสูงสุด) กระบวนการทางคณิตศาสตร์ใด ๆ ก็ตาม ถ้าทำให้เกิดการทดเลขเลยบิตซ้ายสุดที่กำหนด เลขทดดังกล่าวจะหายไป เช่น ถ้ากำหนดให้ตัวเลขมีทั้งหมด 4 บิต 1111 บวกกับ 0001 จะเท่ากับ 0000 ไม่ใช่ 10000 เป็นต้น แต่ถ้ามีการขอยืมจากหลักหน้าสุดที่เป็นศูนย์ ให้ถือเสมือนว่ามีหลักที่เป็นค่า 1 อยู่ถัดออกไปจากบิตสูงสุดที่กำหนดไว้ แล้วทำการขอยืมตามปกติ เช่น ถ้าต้องการลบตัวเลขขนาด 4 บิต 0100 ด้วย 0111 จะถือว่าเลข 0100 เสมือนเป็น (1)0100 แล้วจึงลบกันตามปกติ เป็นต้น
ข้อกำหนดข้อที่สองของ 2’ Complement คือบิตที่ถูกกำหนดให้เป็นบิตนัยสำคัญสูงที่สุดจะเป็นบิตที่บอกเครื่องหมายของตัวเลข เช่น กำหนดให้ใช้ตัวเลขขนาด 6 บิต ดังนั้นบิดที่ 5 (เริ่มนับทางขวาสุดเป็นบิตที่ 0) จะเป็นบิตที่ระบุเครื่องหมายของตัวเลขนั้น เป็นต้น โดยการระบุเครื่องหมายจะใช้มาตรฐานว่า “ถ้าบิตหน้าสุดเป็น 0 หมายถึงเป็นเลขบวก ถ้าบิตหน้าสุดเป็นหนึ่งหมายถึงเป็นเลขลบ” ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้บิตทุกบิตที่กำหนดให้ในการเก็บค่าตัวเลขได้
ข้อกำหนดข้อที่สามของ 2’ Complement คือ ค่าตัวเลขที่เก็บอยู่เมื่อบวกกับค่าที่มีเครื่องหมายตรงกันข้ามกันตามแบบวิธีการบวกเลขฐานสองปกติ จะต้องได้ผลลัพธ์เป็นศูนย์ (แต่จะมีบิตทดที่หลุดหายทางซ้ายมือสุด) เช่น ถ้ากำหนดให้เป็นตัวเลขขนาด 4 บิต 1011 จะเท่ากับค่า –5 เพราะถ้าบวกกับ 0101 แล้วจะได้ (1)0000 โดยเลขทดด้านหน้าสุดจะหายไป เป็นต้น
จากข้อกำหนดทั้งหมดข้างต้น ถ้ากำหนดให้ตัวเลขที่ใช้มีขนาด 1 ไบต์ จะสามารถเก็บค่าบวกระหว่าง 0 (00000000) ถึง 127 (01111111) และค่าลบระหว่าง –1 (11111111) ถึง –128 (10000000)
การนำเลข 2’ Complement ไปบวกหรือลบกัน จะสามารถทำได้ตามวิธีการปกติ แต่จะผลลัพธ์สุดท้ายจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของ 2’ Complement ทั้งสามข้อ สำหรับการคูณและการหารนั้นจะต้องแยกค่าสัมบูรณ์ (Absolute) ออกมาคูณหารกัน แล้วจึงนำเครื่องหมายมาคิดภายหลัง แต่มีข้อควรระวังคือ ถ้าเป็นการคูณกันระหว่างตัวเลขขนาด 1 ไบต์ด้วยกัน ผลลัพธ์ที่ได้จะต้องใช้ที่เก็บขนาด 2 ไบต์ (ดูตัวอย่างในเรื่องการคูณเลขฐานสอง) ซึ่งมากเกินกว่าที่จะเก็บได้ ดังนั้นถ้าต้องการเก็บผลลัพธ์ไว้เป็นขนาด 1 ไบต์ ก็จะต้องให้ตัวตั้งและตัวคูณมีขนาดไม่เกิน 1 นิบเบิล (4 บิต)

2.8 ระบบเลข BCD (Binary Code Decimal)
ระบบเลข BCD มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Packed Decimal เป็นวิธีการหนึ่งที่จะทำให้การแปลงเลขระหว่างฐานสองกับฐานสิบง่ายขึ้นโดยใช้วิธีเดียวกับการสร้างเลขฐานสิบหก โดยจัดกลุ่มให้เลขฐานสอง 4 บิต เป็นเลขฐานสิบ 1 หลัก แต่จำนวนเลขโดดของเลขฐานสิบมีค่าน้อยกว่ารูปแบบของเลขฐานสองที่เป็นไปได้ใน 4 บิต ดังนั้นจึงมีเลขฐานสองบางรูปแบบที่ไม่ได้ถูกใช้งาน สาเหตุที่ต้องจัดกลุ่มเลขฐานสองให้เป็น 4 บิตแทนที่จะเป็นค่าอื่น ๆ เพราะจำนวนเลขโดดของเลขฐานสองมีค่าเท่ากับ 10 ซึ่งอยู่ระหว่าเลขฐานสอง 3 บิตกับ 4 บิต นั่นเอง
ปกติแล้วเรามักจะไม่นำเลข BCD ไปคำนวณแบบซับซ้อน มักจะนำไปบวกลบกันเท่านั้นซึ่งการบวกลบกันของเลข BCD จะต้องทำทีละ 1 นิบเบิล และต้องปรับค่าผลลัพธ์เพื่อเลี่ยงเลขฐานสองที่ไม่ได้ใช้งานด้วย

2.9 มาตรฐาน IEEE 754
มาตรฐาน IEEE754 เป็นมาตรฐานที่ถูกกำหนดขึ้นโดยหน่วยงานชื่อ IEEE (…) เพื่อเป็นมาตรฐานในการเก็บเลขทศนิยม (Floating Point) ในระบบคอมพิวเตอร์ โดยมาตรฐาน IEEE754 จะเก็บเลขทศนิยมฐานสิบในรูป
(-1 x S)1.M x 2E-B

โดยที่ S เป็นตัวระบุเครื่องหมายของตัวเลข ถ้าเป็น 0 จะเป็นบวก ถ้าเป็น 1 จะเป็นลบ
1.M เป็นฐานของเลขยกกำลัง อยู่ในรูป 1.XXXX
E เป็นตัวยกกำลังของสอง ไว้สำหรับระบุตำแหน่งของทวินิยม
B เป็นค่า BIAS เพื่อให้ค่าของ E ไม่ติดลบ จะมีค่าคงที่สำหรับทุกหมายเลข (ค่าของ B จะถูกกำหนดมาแล้วคือ 127 สำหรับ IEEE754 ขนาด 32 bit)

เช่น 2.5 จะสามารถเขียนได้เป็น (-1 x 0)1.010 x 2128-B
ในการเก็บค่าต่าง ๆ จะเก็บอยู่ในรูป S-M-E โดย S จะมีขนาด 1 บิต ส่วน M และ E จะมีขนาดแตกต่างกันไปหลายขนาด ขึ้นอยู่กับความละเอียดที่ต้องการ
มาตรฐาน IEEE754 นอกจากจะสามารถแทนค่าเลขทศนิยมปกติแล้ว ยังมีข้อกำหนดที่สามารถใช้แทนสิ่งที่เรียกกันว่า NaN (Not a Number) เช่น ค่าอินฟินิตี้ ด้วย
การคำนวณเลขตามมาตรฐาน IEEE754 มีความซับซ้อนมาก ดังนั้นจึงไม่ขอกล่าวในที่นี้

ที่มา computer.pcru.ac.th/jitranan/Assembly/document.doc

การปฏิวัติ

การปฏิวัติ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
ปฏิวัติ (อังกฤษ: revolution ; ฝรั่งเศส: Révolution) หมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากระบบเดิม ยกเลิกระบบเดิม ใช้ระบบใหม่ หรือ การรื้อโครงสร้างเดิมเป็นส่วนใหญ่ หรือจะใช้เป็นคำที่อธิบายว่ามีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เช่น ปฏิวัติตนเอง คือปรับปรุงตัวเองใหม่ จากหน้ามือเป็นหลังมือเป็นต้น

[แก้] ระบบการเมือง
การปฏิวัติคือการยึดอำนาจจากผู้ปกครองเดิม แล้วทำการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง เช่น การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 ซึ่งต่างจากรัฐประหาร ที่เป็นการยึดอำนาจปกครอง แต่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง เช่น รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549

[แก้] ดูเพิ่ม
ปฏิรูป
การปฏิวัติ เป็นบทความเกี่ยวกับ การเมือง การปกครอง หรือ กฎหมาย ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหาหรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับ การปฏิวัติ ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ
ดึงข้อมูลจาก "http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4".
หมวดหมู่: บทความเกี่ยวกับ การเมืองการปกครอง ที่ยังไม่สมบูรณ์ | การปกครอง
หมวดหมู่ที่ซ่อนอยู่: บทความที่รอการตรวจสอบรูปแบบเครื่องมือส่วนตัว
คุณลักษณะใหม่ล็อกอิน / สร้างบัญชีผู้ใช้เนมสเปซ
บทความอภิปรายสิ่งที่แตกต่างดู
เนื้อหาแก้ไขประวัติการกระทำ
สืบค้น

ป้ายบอกทาง
หน้าหลักเหตุการณ์ปัจจุบันถามคำถามบทความคัดสรรบทความคุณภาพสุ่มเนื้อหามีส่วนร่วม
ศาลาประชาคมปรับปรุงล่าสุดเรียนรู้การใช้งานติดต่อวิกิพีเดียบริจาคให้วิกิพีเดียวิธีใช้พิมพ์/ส่งออก
สร้างหนังสือดาวน์โหลดในชื่อ PDFหน้าสำหรับพิมพ์
เครื่องมือ
หน้าที่ลิงก์มาปรับปรุงที่เกี่ยวโยงอัปโหลดหน้าพิเศษลิงก์ถาวรอ้างอิงบทความนี้
ภาษาอื่น
AfrikaansAlemannischالعربيةAsturianuБългарскиCatalàČeskyDanskDeutschΕλληνικάEnglishEsperantoEspañolEestiEuskaraفارسیSuomiFrançaisGàidhligGalegoעבריתHrvatskiMagyarBahasa IndonesiaItaliano日本語Lojbanქართული한국어LatinaLietuviųLatviešuОлык МарийNederlands‪Norsk (nynorsk)‬‪Norsk (bokmål)‬PolskiPortuguêsRuna SimiRomânăРусскийСаха тылаSrpskohrvatski / СрпскохрватскиSimple EnglishSlovenčinaSlovenščinaShqipСрпски / SrpskiSvenskaTürkçeУкраїнськаTiếng ViệtWalonייִדיש中文หน้านี้แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2553 เวลา 04:38 น.
อนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ แบบแสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกัน; เงื่อนไขอื่นอาจใช้ประกอบด้วย โปรดศึกษาเงื่อนไขการใช้งาน
Wikipedia® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของมูลนิธิวิกิมีเดีย

ติดต่อเรา

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4

การเมือง

หน้าแรกข่าว > การเมือง



สบายดี!! โชว์รูปทักษิณโผล่เยี่ยมแมนเดลา
นพดล โต้ทักษิณป่วย โชว์ภาพถ่ายคู่ เนลสัน แมนเดลา ยันยังสุขภาพแข็งแรงดี ไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็งหรือเสียชีวิต
ข่าวล่าสุด
ภท.เปิดตัว2สส.พท.พร้อมปัดถูกซื้อตัว
พรรคภูมิใจไทย เปิดตัว 2 ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย ที่ตัดสินใจเข้าซบ พร้อมปัดถูกซื้อตัว ลั่นไม่ใช่โสเภณีทางการเมือง ด้าน กรุง ศรีวิไล แจง ซบภูมิใจไทย เพื่อทำงานให้ประชาชนอย่างเต็มที่ ส่วน จตุพร แฉถูกซื้อตัวถึง 80 ล้านบาท เป็นการพูดเล่นในหมู่เพื่อน

31 ส.ค. 53 16.37 น. อ่าน 13 ครั้ง.ปลัดมท.ยันมงคลเหมาะนั่งปลัดคนใหม่
ปลัดมหาดไทย ยืนยัน การแต่งตั้งปลัดมหาดไทยคนใหม่ มีคุณสมบัติเหมาะสม ลั่นไม่เกี่ยวสนิท เนวิน ชิดชอบ

31 ส.ค. 53 16.35 น. อ่าน 11 ครั้ง.เฉลิมเชื่อบึ้มNBTฝีมือคนไม่ธรรมดา
ร.ต.อ.เฉลิม เชื่อเหตุระเบิด NBT หวังสร้างสถานการณ์เพื่อนำไปสู่ความรุนแรง พร้อมระบุ คนธรรมดาทำไม่ได้

31 ส.ค. 53 16.22 น. อ่าน 31 ครั้ง.ปลัดมท.ยันโยกย้ายนายอำเภอเหมาะสม
ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยัน แต่งตั้งโยกย้ายนายอำเภอ เหมาะสมแล้ว โดยพิจารณาจากความรู้ความสามารถ ส่วนความอาวุโสพิจารณาเป็นลำดับสุดท้าย

31 ส.ค. 53 16.14 น. อ่าน 9 ครั้ง.สบายดี!! โชว์รูปทักษิณโผล่เยี่ยมแมนเดลา
นพดล โต้ทักษิณป่วย โชว์ภาพถ่ายคู่ เนลสัน แมนเดลา ยันยังสุขภาพแข็งแรงดี ไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็งหรือเสียชีวิต

31 ส.ค. 53 16.13 น. อ่าน 6560 ครั้ง. นายกยังไม่ทราบบึ้มNBT-ตั้งขรก.เป็นธรรม
นายกฯ กำชับ รมต.ทุกกระทรวง ให้ความช่วยเหลือปัญหาน้ำท่วม มอบหมาย รองนายกฯ สุเทพ ดูแลปัญหาอาชญากรรม และแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ พร้อมระบุ ยังไม่ทราบรายละเอียด เหตุระเบิด NBT ระบุ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

31 ส.ค. 53 16.06 น. อ่าน 23 ครั้ง. ครม.ตั้ง4อธิบดี-ผู้ว่าชร.นั่งผู้ตรวจมท.
ครม.แต่งตั้ง ข้าราชการะทรวงมหาดไทยหลายตำแหน่ง โดยโยกผู้ว่าฯ เชียงราย มาเป็นผู้ตรวจราชการ ก.มหาดไทย 'วิเชียร เชาวลิต' นั่งตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง

31 ส.ค. 53 15.36 น. อ่าน 28 ครั้ง. ครม.โยก วิเชียร ขึ้นเป็นอธิบดีกรมการปกครองคนใหม่
ครม.โยก "วิเชียร" นั่งอธิบดีกรมการปกครอง-ย้าย "สุเมธ" เข้ากรุเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง

31 ส.ค. 53 15.23 น. อ่าน 120 ครั้ง.สมชายเผยทักษิณโทรอวยพรวันเกิด
อดีตนายกฯสมชาย เผย อดีตนายกฯ ทักษิณ โทรศัพท์ มาอวยพรวันเกิดครบ 63 ปี พร้อมปัดอยู่ใกล้ไทยติง การขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน ไม่ใช่หน้าที่ของ รมว.ต่างประเทศ

31 ส.ค. 53 15.18 น. อ่าน 47 ครั้ง.นพดลเชื่อกษิตไปมอนเตฯเพื่อล่าทักษิณ
นพดล เชื่อ รมว.ต่างประเทศ เดินทางไป มอนเตเนโกร เพื่อให้ส่งตัว ทักษิณ กลับไทย พร้อมโชว์ภาพถ่ายคู่กับ อดีตปธานาธิบดีแอฟริกา หลังมีการปล่อยข่าวว่า เสียชีวิตแล้ว

31 ส.ค. 53 14.40 น. อ่าน 71 ครั้ง.วิทยา เผย สภาฯยังไม่พิจารณา เรื่องสตง.
ประธานวิปรัฐ เผย ที่ประชุมสภาฯ พรุ่งนี้ ยังมีการหยิบยกร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน ขึ้นมาพิจารณาเพราะยังไม่เรื่องเร่งด่วน

31 ส.ค. 53 14.35 น. อ่าน 13 ครั้ง. ด่วน! คนร้ายยิงเอ็ม 79 ถล่ม “NBT”
คนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที แต่ตกลงบริเวณทางเข้า ยังไม่ชัดมีใครบาดเจ็บหรือไม่และยังอยู่ระหว่างตรวจสอบหาวิถีกระสุน

31 ส.ค. 53 13.55 น. อ่าน 15490 ครั้ง.ปธ.วุฒิฯ เชื่อ ส.ว. โหวตผ่านงบ 54
ประธานวุฒิสภา เชื่อ การพิจารณางบประมาณ ปี 54 ในชั้นวุฒิสภา จะผ่านไปด้วยดี หลัง ส.ว. เรืองไกร เรียกร้องไม่ให้รับร่าง หวั่น ขัดรัฐธรรมนูญ กรณีขึ้นเงินเดือนให้ ส.ส.-ส.ว.

31 ส.ค. 53 12.15 น. อ่าน 18 ครั้ง. สหรัฐขอถอนฟ้องคดีที่2ของบูทแล้ว
อัยการสูงสุด ได้รับคำร้องขอถอนฟ้องในคดีที่ 2ของ วิคเตอร์ บูท จาก ทางการสหรัฐแล้วคาดจะมีความชัดเจน ภายใน1-2 วันนี้

31 ส.ค. 53 11.55 น. อ่าน 70 ครั้ง.ตะเพิด! เพื่อไทยติดประกาศไล่ 4 สส. พ้นพรรค
พท.ติดประกาศตะเพิด4ส.ส."วุฒิชัย-ปิยะรัช-กรุง-จิรพันธ์" ไม่ปฎิบัติตามมติและแนวทางการดำเนินการของพรรค

31 ส.ค. 53 11.45 น. อ่าน 43914 ครั้ง.ข่าวล่าสุดทั้งหมด >>

ข่าวที่มีผู้ชมสูงสุด 24 ชม.

มอนเตฯ ประกาศรวบ ทักษิณ หากอยู่ในลิสต์ ตร.สากล ยันชัดจะดำเนินตามกฏหมายกับ อด…
31 ส.ค. 53 07.10 น. อ่าน 50461 ตะเพิด! เพื่อไทยติดประกาศไล่ 4 สส. พ้นพรรคเดียร์ โวยDSIดองคดีฆ่า“เสธ.แดง“ลั่นเกลียดรัฐบาลชุดนี้ด่วน! คนร้ายยิงเอ็ม 79 ถล่ม “NBT”สบายดี!! โชว์รูปทักษิณโผล่เยี่ยมแมนเดลาเพื่อไทยเรียกร้องกกต.นับคะแนนส.ก.-ส.ข.ใหม่ 4 เขตอ่านข่าวอื่นๆ >>
ข่าวที่มีผู้แสดงความเห็นสูงสุด


เดียร์ โวยDSIดองคดีฆ่า“เสธ.แดง“ลั่นเกลียดรัฐบาลชุดนี้ "น้องเดียร์"โวยดีเอสไอไม่เป็น…
31 ส.ค. 53 09.02 น. ความเห็น 274มอนเตฯ ประกาศรวบ ทักษิณ หากอยู่ในลิสต์ ตร.สากลงานเข้า! ทอม ดันดี ถูกกลุ่มออนไลน์แจ้งความหมิ่นเบื้องสูงการเมืองใหม่รับพ่ายแพ้ ยืนยันไม่กลับไปเป็นพธม.ปชป.แชมป์ ได้ส.ก. 45 เพื่อไทย 15ตะเพิด! เพื่อไทยติดประกาศไล่ 4 สส. พ้นพรรค


http://news.sanook.com/politic/

การสร้างรูปปั้น

. "ค้านระงับสร้างรูปปั้นกวนอิม รุกที่หลวง-บดบังสะพานข้ามแม่น้ำแคว"

ประเภท ข่าวอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดีเด่น
กองบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ


ข้อเท็จจริงของข่าว

การก่อสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม ของมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรม ซึ่งตัวอาคารทำแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก สูง 3 ชั้น และก่อสร้างองค์กวนอิม สูง 18 เมตร สลักด้วยหินหยกขาวจากประเทศจีน รวม 88 ชิ้น น้ำหนักรวม 220 ตัน ยืนบนฐาน 8 เหลี่ยม ริมแม่น้ำแควใหญ่ ต.ท่ามะขาม อ.เมืองกาญจนบุรี กลายเป็นปัญหา สร้างความขัดแย้งและการต่อต้านจากประชาชนใน จ.กาญจนบุรี

ทั้งนี้เนื่องจากเมื่อมีการก่อสร้างจริง ทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า อาคารที่ก่อสร้างไปบดบังทัศนียภาพของสะพานข้ามแม่น้ำแคว สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จัก ซึ่งกำลังมีการดำเนินการเสนอเป็นมรดกโลก จึงมีการวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้างใน จ.กาญจนบุรี ว่า การได้มาซึ่งที่ดินของมูลนิธิฯ และการก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรม รวมทั้งองค์กวนอิม น่าจะไม่ถูกต้อง องค์กรภาคเอกชนต่างๆ จึงมีการรวมตัวกันเพื่อคัดค้านให้ระงับการก่อสร้าง และให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบ ตรวจสอบเอกสารสิทธิการครอบครองที่ดิน และการขออนุญาตก่อสร้าง

แม้ว่าทางมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรมจะออกมาชี้แจงว่า ได้ที่ดินมาอย่างถูกต้อง และดำเนินการขออนุญาตก่อสร้างตามขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมาย แต่กลุ่มที่ออกมาคัดค้านกลับเชื่อว่าการดำเนินการไม่น่าจะถูกต้อง จึงร้องเรียนต่อผวจ.กาญจนบุรี ให้ตรวจสอบ จนกระทั้งพบว่าการครอบครองที่ดินของมูลนิธิฯ เป็นที่ดินประเภทสงวนหวงห้ามในเขตที่ดินของรัฐ และการก่อสร้างไม่ตรงตามแบบแปลนแผนผังและใบอนุญาต



วิธีการนำเสนอ

น.ส.พ.ไทยรัฐ ได้รับทราบข่าวความไม่พอใจของชาวกาญจนบุรี และองค์กรภาคเอกชนต่างๆ รวมตัวเพื่อคัดค้านการก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรม และองค์กวนอิม ซึ่งถูกมองว่าเป็นการบุกรุกที่ดินริมฝั่งแม่น้ำ และก่อสร้างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงได้ส่งผู้สื่อข่าวออกตรวจสอบสภาพพื้นที่จริง และรวบรวมข้อมูลต่างๆ

จนกระทั่ง พ.อ.(พิเศษ)สุรินทร์ จันทร์เพียร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวกาญจนบุรี และประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ได้ออกมาแถลงข่าวคัดค้านเรียกร้องให้ระงับการก่อสร้างอาคารดังกล่าวและองค์กวนอิม เนื่องจากเห็นว่าเมื่อสร้างเสร็จจะทำลายภูมิทัศน์ของสะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งเป็นสะพานประวัติศาสตร์ของโลก และกำลังอยู่ในขั้นตอนเสนอให้เป็นมรดกโลก น.ส.พ.ไทยรัฐ จึงได้เสนอข่าวเริ่มตั้งแต่ฉบับวันที่ 19 พ.ค. 2552

ภายหลังการเสนอข่าวของ น.ส.พ.ไทยรัฐ นายสว่าง จุฬาพงษ์วนิช รองประธานมูลนิธิกวงอินสุนทรธรรม และนายธีรศักดิ์ นิ่มกิตติกุล ผู้จัดการโครงการก่อสร้าง ได้ออกมาชี้แจง พร้อมกับนำผู้สื่อข่าวไปดูพื้นที่ก่อสร้าง โดยระบุว่าได้ที่ดินบริเวณริมแม่น้ำแควใหญ่ ใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำแคว จำนวน 12 ไร่ ในพื้นที่ น.ส.3 เพื่อดำเนินการสร้าง มีคหบดีและพ่อค้าต่างๆ บริจาคเงินให้ก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2551 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันมียอดในการก่อสร้างแล้วประมาณ 100 ล้านบาท และจะใช้งบในการก่อสร้าง 100 ล้านบาทเช่นกัน พร้อมทั้งยืนยันว่าขั้นตอนทุกอย่างได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ต่อมา พ.อ.(พิเศษ)สุรินทร์ จันทร์เพียร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี ได้เป็นตัวแทนชาวกาญจนบุรี กลุ่มองค์กรเอกชน ภาคประชาชน นักสื่อสารมวลชน นักการศาสนา นักประวัติศาสตร์ นักวัฒนธรรม กลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ ยื่นหนังสือต่อ ผวจ. กาญจนบุรี คัดค้านไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างอาคารถาวรและองค์เจ้าแม่กวนอิม โดยในหนังสือมีข้อเรียกร้อง 6 ข้อ ให้ตรวจสอบหลักฐาน ขอบข่ายหน้าที่ของการอนุญาตให้ดำเนินการตามกฎหมาย ทบทวนการดำเนินการก่อสร้างโดยด่วน

ในขณะที่ภาคเอกชนออกมาคัดค้าน แต่ นายวีระ เหลืองประมวล นายก อบต.ท่ามะขาม ในฐานะเจ้าของพื้นที่การก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรมดังกล่าว กลับเผยว่าตนเองและชาวบ้านทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าจะสนับสนุนให้สร้าง เพราะจะดึงดูดนักท่องเที่ยวมามากๆ จะได้ขายสินค้าต่างๆ เป็นรายได้เสริม และมูลนิธิฯ จะมอบเงิน 2 ล้านบาท สร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียนในตำบล

ส่วน นายพิพัฒน์ ศังขะฤกษ์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี เปิดเผยว่าได้ลงไปดูแล้วพบว่าฝ่าย มูลนิธิฯ ได้ทำผ่านขั้นตอนการได้รับอนุญาตมาแล้วอย่างถูกต้อง สำหรับการก่อสร้างอาคารประติมากรรมและองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม สูง 18 เมตร ริมแม่น้ำแควใหญ่ นอกจากจะเป็นที่กราบไหว้สักการะของผู้ที่ศรัทธาแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย เป็นการมองคนละมุม ทั้งสองฝ่ายควรมาคุยกันด้วยเหตุผล

นอกจากนี้ นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผวจ.กาญจนบุรี ยังให้สัมภาษณ์และยืนยันว่าตนไม่มีอำนาจที่จะยับยั้งการก่อสร้าง เพราะทางมูลนิธิฯ ดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอน และยังสร้างในพื้นที่เอกสารสิทธิอีกด้วย

ฝ่ายนักวิชาการและบุคคลผู้มีชื่อเสียงสาขาต่างๆ รวมทั้งกลุ่มองค์กรด้านประวัติศาสตร์และสิ่งแวดล้อม ก็ไม่ย่อท้อที่จะออกมาตรวจสอบและระบุว่า การดำเนินการของมูลนิธิฯ ไม่ชอบมาพากล ขอให้ทางจังหวัดตรวจสอบอย่างจริงจัง นอกจากนี้คณะกรรมารธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรมศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา และสำนักพระพุทธศาสนา ก็ให้ความสนใจลงไปตรวจสอบพื้นที่ ในขณะที่ข้าราชการใน จ.กาญจนบุรี พยายามบ่ายเบี่ยงที่จะให้จัดเวทีสาธารณะ

แต่การเสนอข่าวของ น.ส.พ.ไทยรัฐ ติดต่อกันหลายเดือน ส่งผลกดดันให้ ผวจ.กาญจนบุรี จำต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อหาข้อยุติ โดยมี ผศ.ดร.ปัญญา การพานิช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี เป็นประธาน และมีผู้ทรงคุณวุฒิ 18 คนเป็นกรรมการ

คณะกรรมการตรวจสอบฯ ได้สรุปผลการตรวจสอบ 7 ประเด็น ระบุว่าพื้นที่ก่อสร้างองค์กวนอิมไม่อยู่ในพื้นที่ที่มูลนิธิถือครอบครองสิทธิ และมอบหมายให้ อบต.ท่ามะขาม เจ้าของพื้นที่ไปดำเนินการตามกฎหมาย นอกจากนี้หน่วยงานต่างๆ ยังตรวจสอบพบว่ามีการก่อสร้างผิดหลายขั้นตอน อาทิ มูลนิธิฯ อ้างว่ารัศมีก่อสร้างห่างจากตัวสะพานข้ามแม่น้ำแคว 150 เมตร แต่ตรวจสอบพบว่าห่างจากตัวสะพานเพียง 75 เมตร และมีการลักไก่ก่อสร้างอาคารรวม 6 อาคาร ซึ่งตามแบบมีเพียงอาคารเดียว

ดังนั้น ผวจ.กาญจนบุรี จึงได้ออกหนังสือด่วนที่สุด 2 ฉบับ ฉบับแรกเลขที่ กจ.0016.3/14825 ลงวันที่ 19 ส.ค. 2552 ส่งไปยังนายพิพัฒน์ ศังขะฤกษ์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี แจ้งว่า จากการตรวจสอบของเจ้าพนักงานที่ดิน จ.กาญจนบุรี พบว่าที่ดินที่มูลนิธิฯ ครอบครองอยู่ เป็นที่ดินประเภทสงวนหวงห้ามในเขตที่ดินตามพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2481 ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมธนารักษ์ ทางกรมธนารักษ์ได้ตรวจสอบพบว่า ที่ดินออก น.ส.3 ก. เลขที่ 9 และ ส.ค.1 เลขที่ 245 เป็นที่ดินชายตลิ่งฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ เนื้อที่ 4 ไร่ 97 ตารางวา กรมธนารักษ์อ้างว่า เป็นพื้นที่ปฏิรูปเป็นอำนาจของ ส.ป.ก. กาญจนบุรี และได้รับคำยืนยันจากสำนักงานปฏิรูปที่ดินว่า ที่ดินที่มีการก่อสร้างองค์เจ้าแม่กวนอิม เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน จึงให้นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี ใช้ พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ และรายงานผลให้ทราบด้วย

หนังสือฉบับที่ 2 ระบุว่า เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี ยืนยันว่าที่ดินนอกหลักฐาน น.ส.3ก. เลขที่ 9 และ ส.ค.1 เลขที่ 245 เป็นที่ดินประเภทสงวนหวงห้ามในเขตที่ดินของรัฐ ตามพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2481 และไม่ตรงตามแบบแปลนแผนผังและใบอนุญาต จึงให้นายอำเภอแจ้งไปยัง อบต.ท่ามะขาม ในฐานะพนักงานท้องถิ่นพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และระเบียบกฎหมายแล้วรายงานผลให้ ผวจ.ทราบด้วยเช่นกัน

จากคำสั่งดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดเจนว่า การดำเนินการครอบครองที่ดินและการก่อสร้างของมูลนิธิฯ มีการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป



คุณค่าและผลกระทบของข่าว

คุณค่าของการเสนอข่าวการคัดค้านระงับการก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรม และองค์กวนอิมของมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรม ซึ่งบดบังทัศนียภาพของสะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่ น.ส.พ.ไทยรัฐ เสนอข่าวติดต่อกันหลายเดือนนี้ ส่งผลกระตุ้นให้ชาวจังหวัดกาญจนบุรี องค์กรต่างๆ และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ให้ความสนใจออกมาร่วมตรวจสอบข้อกฎหมายและสภาพความเป็นจริง จนกระทั่งพิสูจน์ได้ชัดเจนว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย

นอกจากนี้ยังเป็นการเสนอข่าวสะท้อนให้เห็นการทำงานของภาครัฐที่ไม่ใส่ใจปัญหาอย่างจริงจัง โดยจะเห็นได้จากการที่ ผวจ.กาญจนบุรี นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี และนายก อบต.ท่ามะขาม ออกมายืนยันในระยะแรกว่า มูลนิธิฯ มีการดำเนินการตามกฎหมายถูกต้องทุกขั้นตอน

แต่เมื่อ น.ส.พ.ไทยรัฐ เสนอข่าวติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง และมีหน่วยงาน องค์กรต่างๆ รวมทั้งนักวิชาการออกมาร่วมตรวจสอบ ทาง ผวจ.กาญจนบุรี จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ จนกระทั่งมีข้อสรุปว่าการก่อสร้างดังกล่าวมีการกระทำผิดทั้งเรื่องการครอบครองที่ดิน และการก่อสร้าง ซึ่งจะส่งผลให้มีการดำเนินการตามกฎหมาย และยุติการก่อสร้าง

ข่าวนี้จึงเป็นการเสนอข่าวพิทักษ์การทำลายสิ่งแวดล้อมทางทัศนียภาพที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง


http://tja.or.th/index.php?option=com_content&view=article&id=1489:2010-02-20-08-12-51&catid=103:2010-02-20-08-11-23

การยึดถือศาสนา

 สอนไม่ให้ยึดถือ แต่ถ้านับถือพระพุทธศาสนา จะขัดแย้งกับอนัตตาไหม
พระพุทธศาสนาสอนไม่ให้ยึดถือสิ่งทั้งปวง ถ้าเรานับถือศาสนาเช่นศาสนาพุทธอย่างนี้จะมิเป็นการขัดแย้งกับคำสอนดังกล่าวหรือ?
ไม่เห็นขัดแย้งอะไรกันนี่อันที่จริงการนับถือพระพุทธศาสนาหรือศาสนาอะไรก็ตาม เพื่อเป็นหลักในการดำเนินชีวิตของบุคคล เพราะคนเราไม่มีใครที่จะรู้อะไรไปทุกอย่าง โดยไม่ต้องศึกษาเล่าเรียนได้ การนับถือพระพุทธศาสนาก็เพื่อศึกษาให้รู้และปฎิบัติให้ถูกต้องตามเหตุผลที่ทางศาสนาได้จำแนกแสดงไว้
การยึดหลักของพระศาสนาจึงเป็นเหมือนนักเรียนผู้เริ่มฝึกเขียนหนังสือ อ่านหนังสือ จำเป็นต้องอาศัยไม้บรรทัดการสะกดอักษรกันไปตามหลักเกณฑ์ที่ท่านแสดงไว้ แต่เมื่อเกิดความชำนิชำนาญดีแล้วความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้นก็หมดไปคือ การเขียน การอ่าน การทำความเข้าใจก็เป็นไปโดยอัตโนมัติ
การปฏิบัติธรรมอันเกิดขึ้นจากการศึกษาสดับฟังทางพระพุทธศาสนาก็เช่นเดียวกัน ในขั้นแรกจำเป็นจะต้องยึดหลักตามที่ท่านสอนไว้ เมื่อถึงจุดหนึ่งท่านจะถ่ายถอนความยึดติดในรูปแบบต่างๆได้ จิตของท่านจะมีปฏิกิริยาต่ออารมณ์หรือสิ่งเร้าทั้งหลายเองโดยอัตโนมัติ
การสอนสิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นนั้นเป็นเรื่องของสัจธรรมอันบุคคลจะเข้าถึงได้ไม่ง่ายนัก เพราะคนจะมีความรู้สึกว่า
"นั้นเป็นของเราเช่นตัวเรา ญาติเรา น้องเรา ทรัพย์สมบัติของเรา เราเป็นนั่นเป็นนี่ เช่นเราเป็นนายทหาร เป็นข้าราชการเป็นต้น หรืออาจยึดถือว่านั่นเป็นตัวเป็นตน จนเกิดการแบ่งแยก เป็นเราเป็นเขา เป็นพวกเป็นหมู่กัน"
เรื่องการยึดถือในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ถ่ายถอนได้ยากมาก เครื่องมือที่จะนำไปสู่การถ่ายถอนความยึดถือในลักษณะที่หลงผิดดังกล่าวได้อย่างแท้จริง ก็ต้องอาศัยหลักศาสนาที่ตนได้ศึกษาและลงมือปฏิบัติตามเท่านั้น
ดังนั้นการนับถือพระพุทธศาสนาจึงเป็นเหตุให้คนเข้าถึงความจริงโดยการถ่ายถอนอุปาทานคือความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง ความปล่อยวางจึงเป็นผลที่เกิดจากการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา ทั้งสองจึงเป็นเหตุเป็นผลกัน เป็นปัจจัยของกันและกัน ซึ่งทุกคนจะต้องเข้าถึงให้ได้ทั้งสองระดับจึงจะได้ประโยชน์จากพระศาสนาอย่างแท้จริง
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่าธรรมที่ทรงแสดงนั้นเปรียบเหมือน แพ ทุ่น หรือยานพาหนะที่คนต้องอาศัยข้ามฟาก แน่นอนว่าตราบใดที่คนเหล่านั้นยังเดินทาง จากฟากหนึ่งไปสู่ฟากหนึ่งนั้น เขาต้องมียานพาหนะสำหรับอาศัยและต้องยึดถือพาหนะเหล่านั้นเป็นที่พึ่ง แต่เมื่อเขาถึงฝังแล้วเขาต้องละพาหนะเหล่านั้นเพื่อขึ้นฝั่ง ซึ่งเมื่อถึงช่วงนั้น เขาจะต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง คือจะขึ้นฝั่งหรือว่าจะอยู่ในพาหนะที่อาศัยมา แต่จะขึ้นฝั่งพร้อมด้วยแบกเรือไปด้วยไม่ได้
เพราะเหตุนี้พระอริยบุคคลทั้งหลายท่านจึงมีศีลมีธรรม แต่ท่านไม่ยึดถือในสิ่งเหล่านั้น เช่นศีลของท่าน ก็ไม่ต้องระมัดระวังสำรวมระวังอะไรอย่างที่คนทั่วไปเขาทำกัน เพราะศีลของท่านมีสมบูรณ์จนไม่ต้องสำรวมระวังอย่างคนที่ศีลยังไม่สมบูรณ์ต้องคอย สำรวมระวังสมาทานแสดงอาบัติกันอยู่ ศีลของพระอริยบุคคลจึงมีลักษณะที่เป็นไปเองโดยอัตโนมัติ
อันที่จริงเรื่องการเข้าถึงความจริงสองระดับนี้ ระดับการปล่อยวางความยึดถือเป็นปหาตัพพธรรมคือธรรมที่ต้องละ แต่การนับถือพระพุทธศาสนาเป็นภาเวตัพพธรรม คือธรรมที่ต้องสร้างให้มีให้เป็นขึ้นในชีวิตจิตใจของตน หากคนเข้าถึงธรรมสองฝ่ายนี้ตามสมควรแก่ธรรมแล้ว ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้รู้อริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง ปัญหาเรื่องยึดถืออะไรไม่ยึดถืออะไรก็จะหมดไป
การรู้ธรรมสองฝ่ายนี้จัดเป็นความรู้อริยสัจ ๔ อย่างไร?
การเห็นความทุกข์ความเดือดร้อนในระดับต่างๆอันเกิดชึ้นจากความยึดถือในสิ่งทั้งหลายแล้วกำหนดรู้ไว้ว่า นี่ทุกข์ จัดเป็นทุกขสัจ
การกำหนดเห็นความเป็นโทษอันเกิดจากความยึดถือในขันธ์ ๕ ประการด้วยอำนาจตัณหาว่าของเรา ด้วยอำนาจมานะว่า เราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้แล้ว ละเสีย จัดเป็นทุกข์สมุทัยอริยสัจ
การกำหนดให้รู้จักว่าผลเกิดขึ้นจากการนับถือพระพุทธศาสนานั้นมีความสงบเย็น เป็นความหมดไปสิ้นไปแห่งความยึดมั่นถือด้วยประการนั้นๆ จนถึงเป็นบรมสุขว่าเป็นสิ่งที่ควรทำให้แจ้งจัดเป็นทุกข์นิโรธอริยสัจ
การกำหนดรู้ว่าผลที่ตนจำนงหวังจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการปฏิบัติตามหลักของพระพุทธศาสนาจัดเป็นทุกข์นิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้วจะพบว่าท่านสอนให้ผู้นับถือพระพุทธศาสนาเกี่ยวข้องกับสิ่งทั้งหลายด้วยปัญญา แทนที่จะเกี่ยวข้องกับสิ่งทั้งหลายด้วยโมหะความหลง เพราะชีวิตที่อยู่ด้วยปัญญาเป็นชีวิตที่ประเสริฐสุด
ด้วยเหตุนี้ข้อความในปัญหานี้จึงไม่มีลักษณะขัดแย้งกันตามที่ถามมา




http://www.phrabuddhasasana.com/ans/index.php?option=com_content&task=view&id=80

การพัฒนาชีวิต

เศรษฐกิจพอเพียง
“เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 30 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายในทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการนำวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอนและขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐนักทฤษฎีและนักธุรกิจในทุกระดับให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบเพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี

หลักแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง

การพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาทโดยคำนึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล
การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผนการตัดสินใจและการกระทำ

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

มีหลักพิจารณาอยู่ 5 ส่วน ดังนี้
1. กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้
ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัย และวิกฤต เพื่อความมั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนา

2. คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน

3. คำนิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ พร้อม ๆ กัน ดังนี้

- ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดี ที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ

- ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผล
ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ

- การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์
ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล

4. เงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยทั้งความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน กล่าวคือ

- เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน
เพื่อประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ

- เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วยมีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์และมีความอดทน มีความเพียรใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต

5. แนวทางปฏิบัติ/ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน
ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ทางสายกลาง

เงื่อนไขคุณธรรม

(ซื่อสัตย์ สุจริต ขยันอดทน
สติปัญญา แบ่งปัน)

พอประมาณ

มีเหตุผล

มีภูมิคุ้มกันใน

ตัวที่ดี



เงื่อนไขความรู้

(รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง)




























นำสู่

ชีวิต/เศรษฐกิจ/สังคม/สิ่งแวดล้อม

สมดุล/มั่นคง/ยั่งยืน/








เศรษฐกิจพอเพียงกับทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ

เศรษฐกิจพอเพียงและแนวปฏิบัติของทฤษฎีใหม่ เป็นแนวทางการพัฒนาที่นำไปสู่ความสามารถในการพึ่งตนเองในระดับต่าง ๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ลดความเสี่ยงเกี่ยวกับความผันแปรของธรรมชาติ อาศัยความพอประมาณและความมีเหตุผล สร้างภูมิคุ้มกันที่ดี มีความรู้ ความเพียร และความอดทน สติ และปัญญา การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และความสามัคคี

เศรษฐกิจพอเพียงมีความหมายกว้างกว่าทฤษฏีใหม่ โดยที่เศรษฐกิจพอเพียงเป็นกรอบแนวคิดที่ชี้บอกหลักการ และแนวทางปฏิบัติของทฤษฎีใหม่ ในขณะที่แนวพระราชดำริเกี่ยวกับทฤษฎีใหม่หรือเกษตรทฤษฏีใหม่ เป็นแนวทางการพัฒนาภาคเกษตรอย่างเป็นขั้นตอน เป็นตัวอย่างการใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงในการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมเฉพาะในพื้นที่ที่เหมาะสม

เศรษฐกิจพอเพียง มี 2 รูปแบบ คือ

เศรษฐกิจพอเพียงแบบพื้นฐาน คือ ความพอมี พอกิน สามารถพึ่งตนเองได้โดยไม่โลภมาก และไม่เบียดเบียนคนอื่น

เศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า คือ การแลกเปลี่ยนร่วมมือช่วยเหลือกัน เพื่อทำให้ส่วนร่วมได้รับประโยชน์ และนำไปสู่การพัฒนาชุมชนและสังคมให้เจริญอย่างยั่งยืน

เกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นตัวอย่างที่เป็นรูปแบบของการใช้ปรัชญาเศรษฐกิจด้านการเกษตร แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ

ทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 1 เป็นการทำการเกษตรที่มีระบบการผลิตที่สามารถเลี้ยงตนเองในระดับที่ประหยัด และสามารถช่วยเหลือตนเองได้โดยเริ่มจากการแบ่งพื้นที่ออกเป็น
4 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 เป็นพื้นที่สระน้ำเพื่อเก็บกักน้ำฝนไว้ใช้ในไร่นาเพื่อปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ส่วนที่ 2 เป็นพื้นที่ปลูกข้าว เพื่อใช้สำหรับการบริโภคในครัวเรือนให้เพียงพอตลอดปี ส่วนที่ 3
เป็นพื้นที่ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชไร่ และอื่น ๆ เพื่อเป็นอาหารและยาสำหรับบริโภคในครัวเรือน เหลือจึงจำหน่ายเป็นรายได้ ส่วนที่ 4 เป็นพื้นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ถนนหนทาง และโรงเรือน

ทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 2 เป็นการรวมพลังของเกษตรกรในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์ร่วมกันดำเนินการในการผลิต การตลาด การเป็นอยู่ สวัสดิการ การศึกษา สังคม และศาสนา
โดยได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ และเอกชน

ทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 3 เป็นการประสานเพื่อจัดหาทุนและแหล่งเงินมาช่วยในการลงทุนและพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยได้รับประโยชน์ร่วมกัน

ดังนั้น การที่จะเลือกใช้ทฤษฎีใหม่ทั้งทฤษฎีใหม่ขั้นต้น และทฤษฎีใหม่ขั้นก้าวหน้าในการส่งเสริมเกษตรกรให้เป็นรูปธรรมตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับเกษตรกรแต่ละกลุ่มหรือแต่ละชุมชน จะต้องมีความเข้าใจและยึดหลักการในการบริหารจัดการที่ดิน และน้ำเพื่อการเกษตรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เปรียบเทียบเศรษฐกิจพอเพียงกับทฤษฎีใหม่

ความพอเพียงในระดับบุคคลและครอบครัว โดยเฉพาะเกษตรกร เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบพื้นฐาน เทียบได้กับทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 1

ความพอเพียงในระดับชุมชนและระดับองค์กร เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า ซึ่งครอบคลุมทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 2

ความพอเพียงในระดับประเทศ เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า ซึ่งครอบคลุมทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 3


การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียง

1. พิจารณาจากความสามารถในการพึ่งตนเองเป็นหลัก ที่เน้นความสมดุลทั้ง 3 คุณลักษณะ คือ พอประมาณ มีเหตุมีผล และมีภูมิคุ้มกัน มาประกอบการตัดสินใจ
ในเรื่องต่าง ๆ เป็นขั้นเป็นตอน รอบคอบ ระมัดระวัง พิจารณาถึงความพอดี พอเหมาะ พอควร และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ที่มีองค์ประกอบครอบคลุม
ทั้ง 5 ประการ คือ

(1) ด้านจิตใจ มีจิตใจเข้มแข็ง ฝึกตนเองได้ มีจิตสำนึกที่ดี เอื้ออาทร ประณีประนอม และนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก

(2) ด้านสังคม มีความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน รู้รักสามัคคี สร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัวและชุมชน รู้จักผนึกกำลัง มีกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจากรากฐานที่มั่นคง
แข็งแรง

(3) ด้านเศรษฐกิจ ดำรงชีวิตอยู่อย่างพอดี พอมี พอกิน สมควรตามอัตภาพ และฐานะของตนประกอบอาชีพสุจริต (สัมมาอาชีวะ) ด้วยความขยันหมั่นเพียร อดทน
ใช้ชีวิตเรียบง่าย โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น มีรายได้สมดุลกับรายจ่าย รู้จักการใช้จ่ายของตนเองและครอบครัวอย่างมีเหตุผลเท่าที่จำเป็น ประหยัด รู้จัก
การเก็บออมเงินและแบ่งปันผู้อื่น

(4) ด้านเทคโนโลยี รู้จักใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการและภูมินิเวศ พัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อ
ตนเองและสังคม

(5) ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รู้จักใช้และจัดการอย่างฉลาดและรอบคอบ สามารถเลือกใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดความยั่งยืนสูงสุด

2. พิจารณาความรู้คู่คุณธรรม มีการศึกษาเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง (ทั้งภาคทฤษฎีและการปฏิบัติจริง) ในวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิต
ใช้สติปัญญาในการตัดสินใจต่าง ๆ อย่างรอบรู้ รอบคอบ และมีเหตุผลที่จะนำความรู้ต่าง ๆ เหล่านั้นมาปรับใช้อย่างมีขั้นตอนและระมัดระวังในการปฏิบัติ มีความ
ตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความเพียรความอดทน และใช้สติปัญญาอย่างชาญฉลาดในการดำเนินชีวิตในทางสายกลาง



“คุณธรรมที่ทุกคนควรจะศึกษาและน้อมนำมาปฏิบัติ มี 4 ประการคือ

ประการแรก คือ การรักษาความสัตย์ ความจริงใจต่อตัวเองที่จะประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรม

ประการที่ 2 คือ การรู้จักข่มใจตนเอง ฝึกใจตนเองให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในสัจจะความดีนั้น

ประการที่ 3 คือ ความอดทน อดกลั้น และอดออมที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัตย์สุจริตไม่ว่าด้วยเหตุประการใด

ประการที่ 4 คือ การรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริต และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง

คุณธรรม 4 ประการนี้ ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝังและบำรุงให้เจริญงอกงามขึ้นโดยทั่วกันแล้ว จะช่วยให้ประเทศชาติบังเกิดความสุข ความร่มเย็น และมีโอกาสที่จะ
ปรับปรุงพัฒนาให้มั่นคง ก้าวหน้าต่อไปได้ดังประสงค์....................





http://nan.doae.go.th/nan09/genaral/phorpuing.htm

การผลิตปืนทุกชนิด

ขายส่งตลับลุกปืนทุกชนิด หัวเทียนมอเตอร์ไซด์ เครื่องตัดหญ้า
ตลับลูกปืน HURRICANE ผลิตจากเหล็กกล้า Chome Steel GCR15 ตามมาตรฐานของการผลิต ABEC1/Z2/C3 โดยโรงงานได้การรับรองคุณภาพมาตราฐานการผลิต ISO/TS 16949:2000 ตลับลูกปืน 6xx-2RS / 6xxx-2RS ฝาปิดลูกปืนเป็นแผ่นยางกันฝุ่น มีแผ่นเหล็กเสริมความแข็งแรงทั้งสองด้านของตลับลูกปืน ....ตลับลูกปืน เม็ดกลมร่องลึก Ball Bearing จึงใช้กับความเร็วรอบสูงได้ ทนทานต่อความร้อนสูงดี ใช้กับลูกปืนมอเตอร์ไฟฟ้า ลูกปืนไดนาโม ลูกปืนปั๊มน้ำ เครื่องมือไฟฟ้า Power Tool ลูกปืนสว่านไฟฟ้า กังหันลม ลูกปืนล้อรถแข่งโกคาร์ท รถ ATV ลูกปืนบันไดเลื่อน ลูกปืนสายพานลำเลียง ในLine ผลิต และลูกปืนสเตอร์ ลูกปืนล้อหน้า-หลังรถจักรยานยนต์

ขนาด
รูใน x รูนอก x หนา (มิลลิเมตร)
10 x 26 x 8 mm.....HURRICANE 6000 2RS = 23.-
12 x 28 x 8 mm.....HURRICANE 6001 2RS = 23.-
15 x 32 x 9 mm.....HURRICANE 6002 2RS = 23.-
17 x 40 x 10 mm...HURRICANE 6003 2RS = 23.-
20 x 42 x 12 mm...HURRICANE 6004 2RS = 28.-
10 x 30 x 9 mm.....HURRICANE 6200 2RS = 20.-
12 x 32 x 10 mm...HURRICANE 6201 2RS = 20.-
15 x 35 x 11 mm...HURRICANE 6202 2RS = 20.-
17 x 40 x 12 mm...HURRICANE 6203 2RS = 28.-
20 x 47 x 14 mm...HURRICANE 6204 2RS = 38.-
25 x 52 x 15 mm...HURRICANE 6205 2RS = 48.-
30 x 52 x 16 mm...HURRICANE 6206 2RS = 58.-
35 x 72 x 17 mm...HURRICANE 6207 2RS = 68.-
10 x 35 x 11 mm...HURRICANE 6300 2RS = 23.-
13 x 37 x 12 mm...HURRICANE 6301 2RS = 23.-
15 x 42 x 13 mm...HURRICANE 6302 2RS = 24.-
17 x 47 x 14 mm...HURRICANE 6303 2RS = 34.-
20 x 52 x 15 mm...HURRICANE 6304 2RS = 44.-
25 x 62 x 17 mm...HURRICANE 6305 2RS = 54.-
30 x 72 x 19 mm...HURRICANE 6306 2RS = 64.-
7 x 19 x 6 mm......HURRICANE 607 2RS = 28.-
8 x 22 x 7 mm......HURRICANE 608 2RS = 28.-
9 x 24 x 7 mm......HURRICANE 609 2RS = 28.-
7 x 22 x 7 mm......HURRICANE 627 2RS = 28.-
9 x 26 x 8 mm......HURRICANE 629 2RS = 28.-
190 x 340 x 92 mm....NTN 22238...........B 1,330
120 x 215 x 40 mm....SKF 6224.............B 6,505
70 x 100 x 16 mm......NTN 6914-zz........B 1,200
70 x 100 x 16 mm......NB 6914-zz..........B 464
60 x 140 x 43 mm......62132.................B 5,500
40 x 62 x 12 mm.......SUS 6908-vv........B 410
15 x 28 x 7 mm.........6902-zz..............B 80
17 x 30 x 7 mm.........NB 6903-vv.........B 38 /1000ตลับ
15 x 24 x 5 mm.........6802-zz..............B 75
15 x 21 x 4 mm.........6702-zz..............B 75
12 x 37 x 12 mm.......6301-vv..............B 80
30 x 52 x 16 mm.......NSK 6206-vv .......B 190
12 x 24 x 6 mm.........6901-zz..............B 75
12 x 21 x 5 mm.........6801-zz..............B 75
12 x 18 x 4 mm.........6701-zz..............B 75
10 x 19 x 5 mm.........NB 6800-zz..........B 75
20 x 52 x 15 mm.......6304-2RS Carbom Steel....฿ 25 /50ลูก
25 x 62 x 17 mm.......6305-2RS Carbon Steel.....฿ 25 /50ลูก
12 x 28 x 8 mm.........HCH 6001-zz .................฿ 10 /5000ลูก
17 x 40 x 12 mm.......NSK 6203-zz0.................฿ 91 /1000ลูก
8 x 22 x 7 mm..........NSK 608-zz....................฿ 50 /100ลูก
19.05 x 41.275 x 11.112 mm......NB R12-vv.....B 65
10 x 26 x 8 mm........NSK 6000-zz .................฿ 88
35 x 55 x 10 mm ......NSK 6907-zz...................B 260
55 x 100 x 21 mm.....NSK 6211-zz...................B 399
45 x 100 x 25 mm.....NSK 6309-zz...................B 436
60 x 130 x 31 mm.....KOYO 6312-zz.................B 789
10 x 15 x 4 mm.........B 65
8 x 19 x 6 mm...........B 75
8 x 16 x 5 mm...........B 65
8 x 14 x 4 mm...........B 58
8 x 13 x 3.5 mm........B 58
8 x 12 x 3.5 mm........B 58
7 x 17 x 5 mm...........B 65
7 x 11 x 3 mm...........B 58
6 x 19 x 6 mm...........B 75
6 x 16 x 5 mm...........B 68
6 x 13 x 5 mm...........B 58
6 x 12 x 4 mm...........B 58
6 x 12 x 3 mm...........B 58
6 x 10 x 3 mm...........B 58
6 x 10 x 2.5 mm........B 58
5 x 16 x 5 mm...........B 65
5 x 13 x 5 mm...........B 58
5 x 13 x 4 mm...........B 58
5 x 11 x 5 mm...........B 58
5 x 11 x 4 mm...........B 55
5 x 10 x 3,4 mm........B 58
5 x 9 x 3 mm............B 58
5 x 8 x 3 mm............B 58
5 x 8 x 2.5 mm.........B 58
4 x 13 x 5 mm..........B 58
4 x 11 x 4 mm..........B 58
4 x 10 x 4 mm..........B 58
4 x 9 x 4 mm............B 58
4 x 8 x 2,3 mm.........B 58
4 x 7 x 2.5 mm.........B 58
4 x 7 x 2 mm............B 58
3 x 8 x 4 mm............B 58
3 x 8 x 2.8 mm.........B 58
3 x 7 x 3 mm............B 58
3 x 6 x 2.5 mm.........B 58
3 x 6 x 2 mm............B 58
2 x 6 x 2.5 mm.........B 58
1.5 x 4 x 1.2 mm.......B 58
5 x 8 x 2.5 mm...มีบ่า, ปีก....B 105
3 x 6 x 2.5 mm...มีบ่า, ปีก....B 105
4 x 8 x 6 mm......one-way...B 450 (FC4K)
6 x 10 x 12 mm...one-way...B 420 (HF0612,FC6)
8 x 12 x 12 mm....one-way...B 440 (HF0812,FCL8K)
10 x 16 x 12 mm...one-way...B 440 (HF1012)
60 x 140 x 43 mm...one-way...B 19,500 (62132)
LM 11949/910/Q.....TAM...........B 63
30204 J2/Q............TAM...........B 56
320/32/Q...............NIS............B 143
LM 67048/010/Q.....TAM............B 75
22210 E/C3............SKF............B 2,129
...........................NSK............B 1,740
...........................NBA............B 772


และลูกปืน และเม็ดลูกปืน แบบอื่นๆ ทุกรุ่น ทุกเบอร์ ทุกแบบ ของแท้ ไม่ขายของเทียม
ลูกปืนหายาก ลูกปืนแบบพิเศษ เม็ดลูกปืน ทุกขนาด รับสั่งนำเข้าและผลิต
NSK NTN KOYO FAG SKF FBJ NACHI NB NIS HCH DQD SealMaster
เกรด Carbon Steel / Chome Steel / Stainless Steel

608-2Z C2E/LHT23 และ 608-2-ZZ C2/LHT23 ลูกปืนสั่งผลิตมาเฉพาะใช้งาน ที่ต้องการเสียงรบกวนต่ำ
รอบความเร็วสูง เนื้อจารบีแบบพิเศษ ไม่มีขายทั่วไปในท้องตลาด
และตลับลูกปืนวันเวย์ เครื่องซักผ้า

หัวเทียน NST / HURRICANE
L 6 เครื่องตัดหญ้า
A8TC รถจักรยานยนต์ 4 จังหวะ เกลียวสั้น WAVE100
B8BC รถจักรยานยนต์ 4 จังหวะ เกลียวยาว SONIC WAVE125
C7TC หัวเทียนรถสกายแล็บ
E7TC รถจักรยานยนต์ 2 จังหวะ เกลียวสั้น MATE นางพญา
F8TC รถจักรยานยนต์ 2 จังหวะ เกลียวยาว และใช้กับรถกระป้อ 4 ล้อเล็กไดฮัทสุ ได้
----ขายส่ง 100 - 500 หัวๆละ 25 บาท
-------ขายส่ง 500 - 1000 หัวๆละ 23 บาท
----------ขายส่ง 1000 หัวขึ้นไป หัวละ 18 บาท
หัวเทียนแกนเหล็กชุบนิเกิล คุณภาพสูง สปาร์ทไฟแรง ลดเขม่า ควันดำ สตาร์ทติดง่าย รับประกันคุณภาพ ทุกชิ้น
ได้รับความเชื่อถือสูง จากผู้ใช้ มั่นใจจากผู้ขาย จากร้านซ่อม และร้านค้าขายอะไหล่ทั่วประเทศ
และ หัวเทียน NGK แท้ ราคา 500 หัวขึ้นไป 35 บาท สำหรับรถจักรยานยนต์ ไส้แกนทองแดงทั้งเส้น
FINO WAVE DREAM Phantom Sonic Mate Click Airbrade Nova Dash NSR Spark ฯลฯ
รถกระป้อ DAIHUTSU 4 ล้อเล็ก รถสามล้อสกายแล็บ

ติดต่อ คุณสุรศักดิ์ ศรีสราจิวะกุล (อ้น )
เลขที่ 23/84 ถนนกรุงเทพ-นนท์ บางซื่อ กรุงเทพฯ 10800
Tel. 084-149-5687 สอบถามราคา
Fax. 02-586-9210 ใบสั่งซื้อ แผนที่ส่งสินค้า หรือ
Email: [email]Surasak_sri@hotmail.com[/email]
ราคานี้ไม่รวมค่าจัดส่งสินค้า
...วิธีการชำระเงิน
โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์
สาขา อิมพีเรียล ลาดพร้าว เลขที่ 224-219310-8
ในนามคุณสุรศักดิ์ ศรีสราจิวะกุล
...วิธีจัดส่งสินค้า
ต่างจังหวัด ....ส่งทางไปรษณีย์ EMS (ส่งถึงบ้าน)
หรือ บริษัทฯ ขนส่ง (เก็บเงินค่าขนส่งปลายทาง)
หรือ ส่งด้วยตัวเองในเขตกรุงเทพฯ เท่านั้น เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์
วันเวลาราชการปกติ ทำงานอยู่ที่ออฟฟิต สะพานใหม่ เกี่ยวกับ
ห้องสอบเทียบเครื่องมือวัดคุม Instrument


http://www.thaipromote.com/view1725348.html

การผลิตกระสุน

ปืนกลบราวนิง เอ็ม 2 ที่บรรจุกระสุนแล้ว ปลายหัวกระสุนส่องวิธีถูกทาสีแดงเพื่อแยกประเภทออกจากกระสุนธรรมดากระสุนส่องวิถีคือกระสุนชนิดพิเศษที่ฐานใต้หัวกระสุนถูกดัดแปลงให้รองรับสารเคมีที่ก่อให้เกิดประกายไฟ สารเคมีจะลุกไหม้ทำให้เกิดแสงจ้าเมื่อกระสุนถูกยิงออกไป ทำให้ผู้ยิงรู้ถึงวิถีกระสุน ว่ากระทบกับเป้าหมายหรือไม่ เพื่อปรับการเล็งให้เที่ยงตรง โดยทั่วไปแล้วกระสุนส่องวิถีจะถูกบรรจุแทรกกับกับกระสุนทั่วไปทุกๆ สี่ถึงหกนัด เพื่อทำการส่องวิถีในการรบเวลากลางคืน แต่บางครั้งหัวหน้าชุดยิงอาจจะบรรจุกระสุนส่องวิถีทั้งซองเพื่อชี้เป้าให้สมาชิกชุดยิงคนอื่นๆ ทำการระดมยิงใส่เป้าหมาย

คนที่ถูกกระสุนส่องวิถียิงใส่จะเห็นว่ากระสุนแล่นมาด้วยความเร็วต่ำจากระยะไกล แต่เมื่อกระสุนแล่นเข้ามาใกล้ขึ้น ก็ดูเหมือนว่าความเร็วของกระสุนจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม มุมมองของผู้ถูกยิงนั้นเป็นภาพลวงตา

เนื้อหา [ซ่อน]
1 ประวัติ
2 วิธีการผลิต
3 ประเภท
4 การใช้งาน
5 ความปลอดภัย
6 อ้างอิง

[แก้] ประวัติ
ก่อนที่จะมีกระสุนส่องวิถี ผู้ยิงมักจะพึ่งการกระทบของกระสุนเพื่อปรับการเล็ง แต่การกระทบนั้นมองเห็นได้ยาก จนกระทั่งตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ผู้ออกแบบกระสุนได้พัฒนากระสุนสปอตไลท์ ที่ทำให้เกิดแสงวาบหรือกลุ่มควันตอนตกกระทบ เพื่อทำให้มองเห็นได้ง่ายขึ้น แต่กระสุนดังกล่าวถูกพิจารณาว่าเป็นการละเมิดอนุสัญญาเฮกว่าด้วยการห้ามใช้กระสุนระเบิด[1] อีกทั้งยังไม่มีประโยชน์เมื่อใช้ต่อกรกับอากาศยานเนื่องจากกระสุนจะไม่ส่องแสงหรือควันถ้าไม่โดนเป้าหมาย ยังมีกระสุนอีกชนิดหนึ่งที่สามารถปล่อยควันตามวิถีกระสุนได้ แต่กระสุนชนิดนี้จะต้องเสียมวลไปในระดับหนึ่งเพื่อที่จะปล่อยควัน ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนที่ของกระสุนเป็นอย่างมาก

สหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรกที่ผลิตกระสุนส่องวิถีขึ้นมาใน ค.ศ. 1915 โดยกระสุนดังกล่าวเป็นกระสุนขนาด .303 ที่ถูกดัดแปลงให้สามารถส่องวิถีได้[2] ต่อมาสหรัฐอเมริกาก็ผลิตกระสุนส่องวิถีขึ้นเช่นเดียวกันในปี 1917 โดยกระสุนมีขนาด 30-06[3]

[แก้] วิธีการผลิต

กระสุนส่องวิถีขนาด 7.62x51mm NATO ปลายกระสุนสีแดงกระสุนส่องวิถีถูกผลิตขึ้นจากกระสุนฐานกลวง ที่มีสารเคมีที่ก่อให้เกิดประกายไฟอัดอยู่แน่น อาทิเช่นฟอสฟอรัส, แมกนีเซียมหรือสารเคมีอื่นๆ ที่ทำให้เกิดประกายไฟและให้ความสว่างมากพอ ในกระสุนมาตรฐานของนาโต้และสหรัฐฯ สารเคมีที่ใช้ส่วนใหญ่มาจากส่วนผสมของสารประกอบจำพวกสทรอนเทียม (สตรอนเทียมไนเตรต, สตรอนเทียมเพอร็อกไซด์ ฯลฯ) กับเชื้อเพลิงเชิงโลหะเช่นแมกนีเซียม ซึ่งเมื่อถูกเผาไหม้แล้วจะทำให้เกิดแสงสีแดงสว่างจ้า ส่วนกระสุนส่องวิถีของจีนกับรัสเซียใช้เกลือแบเรียมเป็นสารเคมีที่ใช้ในการเผาไหม้ จึงทำให้เกิดแสงสีเขียว กระสุนส่องวิถีรุ่นในใหม่ๆ บางรุ่นใช้สารประกอบที่ทำให้เกิดแสงน้อย และมักจะเป็นแสงอินฟราเรดที่สามารถมองเห็นได้ผ่านกล้องมองกลางคืนเท่านั้น[4]

แม้ว่าจุดประสงค์หลักของกระสุนส่องวิถีคือช่วยผู้ยิงในการเล็งเป้า แต่ผู้ยิงไม่สามารถพึ่งพากระสุนส่องวิถีเพื่อช่วยปรับการเล็งเพียงอย่างเดียว เนื่องจากกระสุนส่องวิถีน้ำหนักและการเคลื่อนที่ในเชิงอากาศพลศาสตร์ที่ต่างไปจากกระสุนทั่วไป ด้วยเหตุที่ว่าเมื่อกระสุนส่องวิถีเดินทางออกจากลำกล้องปืน เชิ้อเพลิงที่อยู่ข้างในฐานกระสุนจะเกิดการเผาไหม้ ขณะที่กระสุนกำลังแล่นไปยังเป้าหมาย ทำให้วิถีการเคลื่อนที่ของกระสุนส่องวิถีกับกระสุนธรรมดาต่างกันอย่างเห็นได้ชัดในการยิงระยะไกล เพราะมวลในกระสุนส่องวิถีจะลดลงไปตามการเผาไหม้ของสารเคมี ในขณะที่มวลในกระสุนธรรมดาจะคงที่และมีวิถีการเคลื่อนที่ที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยตามแรงโน้มถ่วงเท่านั้น

[แก้] ประเภท
มีกระสุนส่องวิถีอยู่สามประเภทด้วยกันได้แก่แบบส่องสว่าง, แบบส่องสว่างช้าและแบบส่องสว่างน้อย โดยประเภทมาตรฐานคือกระสุนส่องวิถีแบบส่องสว่าง ที่เริ่มการเผาไหม้ทันทีที่ออกจากปากกระบอกปืน ข้อเสียของกระสุนส่องวิถีประเภทนี้คือกระสุนจะบ่งชี้ตำแหน่งที่ตั้งของผู้ยิงให้กับศัตรู และยังทำให้อุปกรณ์มองกลางคืนใช้ไม่ได้ เพราะแสงที่เปล่งออกมานั้นสว่างเกินไป กระสุนส่องวิถีแบบส่องสว่างช้าจะเริ่มการเผาไหม้อย่างเต็มที่เมื่อกระสุนเดินทางไปแล้วประมาณหนึ่งร้อยหลาขึ้นไปเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูรู้ตำแหน่งของผู้ยิง ส่วนกระสุนส่องวิถีแบบส่องสว่างน้อยจะให้ความสว่างน้อยมาก แต่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนผ่านอุปกรณ์มองกลางคืน

[แก้] การใช้งาน

นาวิกโยธินสหรัฐฯ กำลังซ้อมยิงด้วยกระสุนส่องวิถีกระสุนส่องวิถี นอกจากจะใช้เพื่อชี้เป้าศัตรูและปรับการเล็งแล้วยังถูกนำไปใช้ในรถถังอีกด้วย โดยใช้กับปืนกลร่วมแกนร่วมกับปืนใหญ่รถถังเพื่อยิงชี้ตำบลกระสุนตกก่อนทำการยิงจริง เครื่องบินรบในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองก็นำวิธีการชี้เป้าแบบนี้ไปใช้ โดยจะใช้ปืนกลยิงกระสุนส่องวิถีเพื่อชี้เป้าศัตรูก่อนที่จะใช้ปืนใหญ่อัตโนมัติเพื่อให้เกิดความเที่ยงตรงสูงสุด

นอกจากจะใช้เพื่อชี้เป้าแล้ว กระสุนส่องวิถียังถูกใช้เพื่อเตือนผู้ยิงว่ากระสุนใกล้จะหมดแล้ว โดยบรรจุกระสุนชนิดดังกล่าวลงไป 2 นัดสุดท้ายของซองกระสุน ซึ่งมีประโยชน์มากในปืนที่ระบบลูกเลื่อนไม่เปิดค้างเมื่อกระสุนหมด (เช่นปืนเล็กยาวจู่โจม เอเค 47) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพอากาศโซเวียตได้นำวิธีการนี้ไปใช้กับปืนกลในเครื่องบินรบ แต่ข้อเสียเปรียบของการทำแบบนี้คือศัตรูก็จะรู้ว่ากระสุนกำลังจะหมด และเสี่ยงต่อการโจมตีกลับในทันทีเมื่อกระสุนหมด อย่างไรก็ตามข้อเสียเปรียบไม่ส่งผลต่อการรบภาคพื้นดิน เนื่องจากเมื่อกระสุนใกล้ ผู้ยิงจะทำการเตือนคนอื่นๆ ว่ากำลังจะทำการบรรจุกระสุนใหม่และต้องการให้คุ้มกัน ทำให้ศัตรูเสี่ยงต่อการยิงตอบโต้จากฝ่ายตรงข้ามที่ช่วยคุ้มกันให้อยู่

ในปัจจุบันอากาศยานพึ่งพาการใช้ขีปนาวุธ เรดาร์และการนำวิถีด้วยเลเซอร์เพื่อติดตามศัตรู ทำให้การใช้กระสุนส่องวิถีไม่สำคัญอีกต่อไป

[แก้] ความปลอดภัย
เนื่องจากกระสุนส่องวิถีเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอัคคีภัย จึงถูกห้ามไม่ให้ใช้ในสนามยิงปืนในสหราชอาณาจักร โดยทั่วไปแล้วการใช้กระสุนส่องวิถีจะได้รับอนุญาตระหว่างการซ้อมรบเท่านั้น[5]

ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2009 เกิดไฟป่าขึ้นในพื้นที่ทางทหารใกล้เมืองมาร์เซย์ ประเทศฝรั่งเศส โดยสาเหตุของเพลิงเกิดจากกระสุนส่องวิถี ทำให้พุ่มไม้ที่แห้งและติดไฟ




/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%96%E0%B8%B5

การผลิตเกมส์ส่งเสริมสมอง

วิธีนวดพฤษภาคมสมบูรณ์ Therapies สุขภาพจิต »
สิบวิธีในการดูแลสุขภาพสมอง
เราทั้งหมดอาจจะตกลงสมองเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดของร่างกายมนุษย์ เพียงทำให้รู้สึกถึงสถานที่ดูแลรักษาสมองดีฟังก์ชันสำคัญที่สุด การดูแลสมองไม่ติดไฟความสนใจมากในอดีต แต่ในเวลานี้ได้กลายเป็นชัดเจนเหลือเกินมีประโยชน์มากในการมุ่งเน้นที่อวัยวะสุขภาพสำคัญที่สุดของเรา ต่อไปนี้เป็นรุ่นที่ใช้ร่วมกันของการวิจัยในแนวทางสิบต่อการดูแลรักษาและปรับปรุงสุขภาพสมอง

มากสุขภาพสมองเกิดจากการบริโภค สิ่งที่เราใส่เข้าไปในร่างกายของเรามีผลระยะยาวและผลประโยชน์

1 กรดไขมันโอเมก้า 3 : นี่คือทั่วไปทราบ booster สมอง แต่มักจะสามารถทอดทิ้ง กรดไขมันโอเมก้า 3 มีความสำคัญต่อสุขภาพสมอง ขาดไขมันเหล่านี้อาจทำให้เกิดปัญหาเช่น IQ ต่ำ, ภาวะซึมเศร้าและสมองสำคัญอื่นๆ มันอาจช่วยให้ตระหนักถึงไขมันเหล่านี้ไม่เพียง แต่รักษาสุขภาพสมองแต่ประสิทธิภาพในการป้องกันสุขภาพสมองดีด้วย แหล่งธรรมชาติที่ดีที่สุดของโอเมก้า 3 มีกรดไขมันเป็นปลา แต่ถ้าด้วยเหตุผลบางปลาไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถพิจารณาทางเลือกเช่นการเม็ดน้ำมันปลาหรือ krill

2 ชาสมุนไพร : มีสองวิธีที่ชาสมุนไพรสามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพในสมอง ชาหอมเช่นมินต์และโรสแมรี่ที่ทราบเพื่อเพิ่มพลังงานเนื่องจากทั้งสมุนไพรเพื่อเป็นผลกระตุ้นหอม แปะก๊วยและโสมเป็นที่รู้จักสำหรับผลโดยตรงของตนในการรักษาสุขภาพสมองดี แปะก๊วยเรียกได้ว่าเป็นชาสมุนไพรที่ช่วยให้ว่างออกซิเจนในสมองผ่านการปรับปรุงการส่งเส้นประสาทและเลือดไหล . ชาโสมจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับต่อมหมวกไตและต่อมใต้สมองสุขภาพ ชาชะเอมชาเป็นสุขภาพอื่นโดยตรงต่อมหมวกไตที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่รู้จักกันสำหรับการเงียบใจ

3 เครื่องเทศสมุนไพร : มีคู่ของเครื่องเทศที่นิยมมาจิตสำหรับการส่งเสริมสุขภาพสมอง Tumeric ได้รับการเชื่อมต่อกับการป้องกันเป็นไปได้ของเสื่อม นี้เป็นสีเหลืองอ่อนเครื่องเทศปรุงพบในผงกะหรี่ซึ่งผสมผสานของเครื่องเทศที่ tumeric รวม แกงมากอย่างแพร่หลายรู้จักและใช้เป็นก็ถือว่ารสชาติของเครื่องเทศที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ tumeric เองถูกใช้เนยเทียมปรุง, คุกกี้และแม้แต่ในขิงชาตาม อบเชยเป็นเครื่องเทศซึ่งถือว่าดีสำหรับการกระตุ้นสมองและอื่นหน่วยความจำ

4 Nuts & Berries : ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะมองถั่วจะถือว่าดีสำหรับสุขภาพจิต แม้ว่าถั่วอาจจะไม่แก้สำหรับโรคจิตเภทหรือโรคจิตจะเป็นในการรักษาและพัฒนาหน่วยความจำ ทุกประเภทถั่วเป็นที่รู้จักกันเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพสมองโดยเฉพาะเมื่อมีการบริโภคในชีวิตประจำวัน Berries เป็นที่รู้จักกันเพื่อประโยชน์ในคุณสมบัติที่ช่วยป้องกันต่อการพัฒนาของสมองเสื่อมและเสื่อมด้วย

5 น้ำ :ของทุกสารที่ใช้พิจารณาเพื่อสุขภาพสมองที่ดีกว่าน้ำมีความสำคัญเป็นหลัก สมองไฮดีส่งเสริมความระมัดระวังและความสามารถในสมาธิ ชาและน้ำผลไม้บางชนิดสามารถนำชุ่มชื้นช่วยเล็กน้อยเป็นประโยชน์สมุนไพรเพื่อสุขภาพสมอง แต่ไม่ควรพิจารณาแทนน้ำ ปริมาณเพียงพอของน้ำสะอาดดื่มที่ช่วยให้คุณคิด

6 วิตามินและเกลือแร่ : มีทั้งหมดรับทราบความต้องการของร่างกายสำหรับวิตามินและเกลือแร่ พวกเขาให้บริการเราดีในการผลิตสารเลือด, สุขภาพและความต้องการอาหารอื่นๆ แม้ว่าจะชัดเจนร่างกายประกอบด้วยเนื้อและเนื้อเยื่ออ่อนในความต้องการของวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้มักจะ eludes ความสนใจของเราสมองที่ทำขึ้นสารเดียวกัน นี้อาจเกิดจากการขาดจิตสำนึกในความแตกต่างแตกต่างระหว่างความคิดและสมอง แต่เป็นสิ่งสำคัญที่ทราบว่าสมองต้องการวิตามินและเกลือแร่ในเท่าส่วนที่เหลือของร่างกาย สำหรับวิตามินและแร่ธาตุสมองผลิตสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้หน่วยความจำรวมทั้งสารอาหารอื่น ๆ ที่เพิ่มและปรับอารมณ์ตลอดจนช่วยเหลือในความชัดเจนของความคิด

กิจกรรมที่มีบทบาทสำคัญในสุขภาพสมองเกินไป ไม่ปล่อยให้ไปถอนคำว่าสิ่งที่เราทำในแต่ละวันไม่ได้ผลเราในหลายๆ

7 Play : เป็นหนุ่มที่หัวใจเพิ่งได้รับการส่งเสริมให้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เมื่อมาถึงการลดระดับความเครียดและมีทั่วไปบวกกับชีวิตความสนุกสนานได้รับการกล่าวถึงบ่อย เล่นเกมยังรู้เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพสมอง ไม่ใช่เกมใหญ่ที่ให้บุคคลที่น่าสงสัยหรือยาม แต่เกมกระดานหรือเกมเรื่องไม่สำคัญที่ช่วยกระตุ้นความสามารถในการออกกำลังกายหน่วยความจำ ดังนั้นขี้เล่น, ดึงเก้าอี้และดึงออกจากบอร์ดเก่าหรือเกมใหม่ที่ มีสนุก ๆ และเวลาคุณภาพกับเพื่อนสนิทและครอบครัวของคุณเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและมีหน่วยความจำ

8 Sleep : คุณอาจเคยได้ยินของเก่าว่า 'ถ้าคุณเลื่อน You Loose'แต่ในกรณีสุขภาพทางปัญญาของการนอนหลับดีคุณจะได้รับการพัฒนาของเซลล์สมองใหม่ ส่วนที่เหลือเพียงพอยังส่งเสริมความสามารถในการรักษาสมาธิและความจำ ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มต้นในการส่งเสริมความสามารถในการร่วมในกิจกรรมที่ล่าสุดคืนยาวคุณควรจริงจังพิจารณาความรู้สึกที่ดีเกี่ยวกับการนอนกลางคืนดีของแทน นี้โดยเฉพาะคำแนะนำที่ดีสำหรับนักเรียนดึงทุก nighter ในการยัดเยียดให้ในวันถัดไปสอบ

9 หายใจ : อาจดูเหมือนชัดเจนว่าลมหายใจเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพสมอง แต่บ่อยครั้งสำคัญในการหายใจอย่างถูกต้องมากกว่าดู เป็นสิ่งสำคัญที่สามารถใช้หายใจลึกเพื่อประโยชน์ในการได้รับปริมาณที่เพียงพอของออกซิเจนในสมอง ออกซิเจนช่วยเตือนสมองและคุณตื่นตัว เหตุผลหนึ่งที่เราได้รับการง่วงนอนหลังอาหารหนักเป็นเพราะระบบย่อยอาหารโดยใช้ออกซิเจนจากร่างกายและออกจากออกซิเจนน้อยลงสมองไปใช้ประโยชน์ หายใจลึกหรือเดินในอากาศบริสุทธิ์สามารถช่วยในการบรรเทาผลกระทบนี้ การออกกำลังกายที่เหมาะสมหายใจเป็นวิธีที่ดีเพื่อให้ปริมาณสุขภาพของออกซิเจนไหลไปยังสมอง

10 สมาธิ : วัน แต่ไม่น้อยนี้เป็นที่ชื่นชอบการทำสมาธิได้รับการปฏิเสธโดยทั่วไปเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพในอดีต แต่หลายคน reconsidering สมาธิมีผลในระบบภูมิคุ้มกันและความสามารถในการลดความเครียด การศึกษาล่าสุดเปิดเผยสมาธิเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสมองและการศึกษาดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการทำสมาธิสามารถจริงข้นเปลือกสมองของสมอง นี้หน่วยความจำช่วยสมาธิและมุ่งเน้น แดกดันนี้หมายความว่าเราควรใช้กระบวนการของการให้ไปคิดต่อไม่คิดเลยเพื่อที่จะคิดดีกว่า

แต่สมองถือว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดของร่างกายที่มุ่งเน้นนำสมองเพื่อสุขภาพจิตใจที่แข็งแรง

Friends Link : โสม


http://redginsengextract.myfreeblogonline.com/2010/05/28/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E/

การผลิตระเบิด

สารพัดวิธีทำระเบิด

ระเบิดเจลาติน

ใครทำตามตายขึ้นมาไม่รู้นะเฟร้ย ผู้ทำควรเป็นคนที่ชำนาญมากๆ หรือก็เบื่อชีวิตสุดๆเท่านั้น

ระเบิดอันนี้ต้องเก็บเย็นมากๆครับ อย่าให้เกิน 0 องศา C เด็ดขาดไม่งั้นตู้พัง

สัดส่วนผสม
1. ไนโตรกรีคอล 75% (หาเองเฟ้ย ผสมจาก Antifreeze ได้ แต่ไม่สอน เด๋วคนทำตายก่อน)
2. ดินปืน IMR แบบไร้ควัน 6% (ซื้อจากร้านไฟแช๊คดูป๊อง)
3. โปรแตสเซียมไนเตรท (หาไม่ได้ก็อย่าทำเลย ตายเปล่า)
4. แป้งขนมปัง (งงดิ งงใช่มะ)

ผสมล่ะนะ
1. เอาโปแตสเซียมไนเตรทกับไนโตรกรีคอล ระวังระเบิดล่ะ เพราะไนโตรกรีคอลมันระเบิดง่ายมากๆ ควรใส่ถุงมือตลอดเลยนะ
2. ผสมแป้งมันกับโวเดียมคาร์บอเนต แล้วเอาข้อ 1 ผสมเข้าจนเป็นเนื้อเดียวกันนะ ผสมช้าๆ เบาๆ อย่าให้มือขาดล่ะ
3. ผสม IMR เข้าไปหลังจากสารทั้งคู่เป็นเนื้อเดียวกันแล้ว แล้วผสมต่อให้ IMR เข้าเป็นเนื้อเดียวกันด้วย

เอาไปใช้ให้เร็วที่สุด เพราะมันด้านง่าย ระเบิดเองก็ง่าย ถ้าจะเก็บก็อย่าให้เกิน 10C เด็ดขาด อัตราระเบิดอยู่ที่ 7700 เมตรต่อวิฯ

เตือนอีกที เฉพาะคนที่อยากตายหรือชำนาญมากๆ ค่อยทำ
ผมผสมแล้ว โต๊ะพังไป 1 ตัว กางเกง 4 ตัว

ระเบิดขวด (ไม่ใช้ระเบิดมาทอฟนะ)
สิ่งที่ต้องใช้
1. กรดไฮโดรคลอริค หาได้จากน้ำยาล้างห้องน้ำ ฟุตบาท ลานจอดรถ
2. ขวดน้ำอัดลม (พลาสติก) ขนาด 1 - 3 ลิตร (2 ลิตรดีที่สุด)
3. ตะกั่วแผ่น หาซื้อจากร้านเครื่องใช้ในบ้าน

วิธีทำ
1. ม้วนตะกั่วแผ่นเป็นแท่งยาวๆ แล้วตัดเป็นแท่งเล็กๆ แท่งละ 3 นิ้ว ให้ได้ 7 - 8 แท่ง
2. เทกรดไฮโดรคลอริคลงในขวด (กรุณาใช้กรวยกรอกน้ำ เสียดายน้ำยา) สูง 2 นิ้ว
3. ยัดตะกั่วแผ่นที่ม้วนแล้วลงไป 7 - 8 แท่งต่อขวด
4. เขย่าแรงๆ 1 ทีแล้วโยน
5. หนีดิ อยู่หาสวรรค์วิมาราอาราย (คำเตือน...คำเตือน...คุณมีเวลา 25 วินาทีก่อนการระเบิด)

อานุภาพ
ระเบิดนี้เสียงดังมากกกก ขวด 2 ลิตรเสียงเท่า TNT ครึ่งแท่ง แต่ความรุนแรงห่างกันไกล กระนั้น! มันก็แรงพอจะฉีกมือออกจากข้อมือสบายๆ จากการทดลองเอาใส่ท่อเหล็กปิดฝา ฝาที่ทำจากหน้าจานตาบอด (แผ่นเหล็กตันทรงกลม) กระเด็นขึ้นไปตกที่ชั้น 3 (ใช้ส่วนผสมตามที่ให้ไว้)

เตือนอีกที ใครอยากครบ 32 อย่ามั่วทำ ถ้าไปทำใครตาย หรือทำแล้วตาย หรือไม่ตายก็รับผิดชอบเอาเองนะ

ระเบิดลูกเทนนิส ระเบิดเพลิงงี่เง่า

อุปกรณ์ที่ต้องใช้
1. ลูกเทนนิสถูกๆ
2. มีดถูกๆ
3. คลอรีนผสมน้ำในสระ เอาแบบเข้มๆหน่อยก็ดี
4. น้ำมันก๊าด ผมใช้แบบที่ใส่เครื่องตัดหญ้า
5. กรวยกรอกน้ำ

วิธีทำ
1. เอามีดมา แทงลูกเทนนิสให้เป็นรู 1 รู กว้างแค่พอจะยัดกรวยเข้าไปได้
2. อัดคลอรีนเข้าไปในลูกเทนนิสให้เต็มเลย
3. เทน้ำมันก๊าดใส่เข้าไปให้ชุ่มคลอรีนแล้วโยนไปไกลๆ

อานุภาพ
10 วินาทีหลังจากคลอรีนเปียกหมดแล้ว บอลจะพ่นควันฟู่ๆๆ แล้วลุกเป็นไฟ ฟู่มมมม! ความรุนแรงแค่พอไหม้มือได้ แต่ห้ามคว้างใส่คนนะ ระเบิดปัญญาอ่อนนี่ใช้ระเบิดรถ/ ถังน้ำมัน/ ปั้มน้ำมันได้ดีเป็นพิเศษ เพราะลูกเทนนิสมันเด้งดี ระเบิดรุ่นนี้ก็เป็นระเบิดเพลิงด้วย ลองเปลี่ยนจากลูกเทนนิสเป็นปิงปองดูก็ใช้ได้เหมือนกัน

ใครเอาไปทำความเสียหายรับผิดชอบเอาเอง เผยแพร่เพื่อการศึกษาเท่านั้นเฟร้ย

ระเบิดงี่เง่า2

อุปกรณ์ที่ต้องใช้
1. ลูกเทนนิส(อีกละ)
2. ไม้ขีด 4-5 กล่อง
3. มีด
4. กรวยกรอกน้ำ

วิธีทำ
1. เจาะลูกเทนนิสเป็นรูแล้วเอากรวยใส่เข้าไป
2. เลาะหัวไม้ขีดออก แล้วรวบรวมไว้
3. เอาผงที่ได้จากหัวไม้ขีดเทเข้าไปให้เต็มลูกเทนนิส
4. ตัดข้างๆกล่องไม้ขีด (ที่เราใช้ขูดเวลาจุดไฟ) ออกมา แล้วสอด/แปะ เอาไว้ที่รู (ระวังตูม)

เวลาใช้ก็ขว้างไปตรงๆ แล้วมันก็จะตูม (โอกาส 50/50 ถ้าอัดแน่นไป หรือไม่แน่นเลย ถ้าพอดีๆระเบิดแหงๆ)
เห็นมะ งี่เง่ามากเลย ใช้ไล่หมาได้ ไล่คนดี ถือไม่ดีมือแหกอีกเหมือนกัลล์

ระเบิดงี่เง่า 3 งี่เง่าน้อยลงหน่อย
อุปกรณ์ที่ต้องใช้
1. ถ่าน AA
2. ขวดน้ำพลาสติก (ฝาเกลียว)
3. ค้อน
4. ตะปู
5. ถาดอะลูมิเนียม
6. ถุงมือ
7. น้ำยาล้างแผล (ไฮโดรเจนเปอออกไซด์ H2O2)

วิธีผสม
1. เอาถ่าน AA มาตั้งไว้ ใช้ตะปูตอกขั้วลบให้เปิดออก แล้วงัดเอาไส้ในออกมา ให้เป็นแท่งๆ เป็นเศษๆ ไม่ดี ระวังกรดซัลฟิวริคในถ่านให้ดี ควรใส่ถุงมือ
2. เอาไส้ถ่านใส่ถาดอะลูมิเนียมไว้ ไปตากแดด 1 ชม. ให้น้ำกรดระเหยออกไป
3. เอาน้ำยาล้างแผลเทใส่ขวดน้ำ สัก 2 นิ้ว
4. เทไส้ถ่านใส่ขวดที่มีน้ำยาล้างแผลแล้ว เขย่า 1 ครั้งแรงๆ คว้างไปไกลตัว

อานุภาพ
คล้ายๆระเบิดจากตะกั่วกะน้ำยาล้างห้องน้ำนั่นแหละ สามารถโยนฝากระติกน้ำขึ้นชั้น 3 ได้สบายๆ

ข้อควรจำในการผสมระเบิด

การผสมระเบิดทุกลูก ทุกชนิด ต้องทำภายใต้การป้องกันดังนี้
1. ระเบิดที่ผสมขึ้นจากการไนเตรตของกรดต่างๆ จะทำให้เกิดก๊าซที่มีพิษ เช่น การทำ RDX ที่ต้องใช้ กรดซัลฟิวริด 98% ไนเตรตกับ โปแตสเซียมไนเตรต หรือ โซเดียมไนเตรต เพื่อผลิตกรดไนตริค 100% จะทำให้เกิดก๊าซ ไนโตรเจน ไทรอ๊อกไซด์ หากสูดดมจะเกิดอาการวิงเวียน อ้วกแตกอ้วกแตน ปวดหัวม๊ากมาก หรืออาจเสียชีวิต ตายหร่าได้ง่ายๆ จึงควรผสมระเบิดเฉพาะในที่ที่มีอากาศถ่ายเทดีมากเท่านั้น (ควรใส่หน้ากากกันก๊าซพิษด้วย)
2. สารเคมีหลายอย่างมีความสามารถ ซึมผ่านผิวหนังได้ เช่น ไนโตรกรีเซอรีน ถ้าซึมผ่านจะเกิดอาการคล้ายๆข้อ 1 ดังนั้นจึงควรสวมถุงมือทุกครั้งที่จับต้องสารเคมี
3. สารตั้งต้นของระเบิด เช่น RDX ที่ใช้ในการทำ C - C4 นั้น ระเบิดง่าย ยิ่งในตอนผสมยิ่งอันตราย เพราะการไนเตรตแต่ละทีจะเกิดความร้อน อาจตูมได้ทุกเมื่อ ดังนั้น ถาดที่ใช้ในการไนเตรต ต้องแช่อยู่ในอ่างน้ำแข็ง (มีน้ำครึ่งหนึ่ง) ที่มีความสูงมากกว่าถาด 2 เท่าขึ้นไป ถ้าอุณหภูมิขณะไนเตรตเกิดสูงเกินกำหนด จะได้กดถาดลงอ่างน้ำแข็งไปเลย เสียของดีกว่าเสียแขน จริงไหม?
4. การผสมระเบิดผิดกฎหมายนะจ๊ะ คนที่จะทำคือคนที่ยอมผิดกฎหมายเพื่อความรู้ ถ้านิ้วหาย มือหายเอาผิดใครไม่ได้นะจ๊ะ
5. วัตถุระเบิดที่ผสมเสร็จแล้ว มีอายุและสภาพแวดล้อมการเก็บต่างกัน ถ้าใครผสมแล้วเก็บนาน อาจด้าน หรือคลังแสงหลังบ้านอาจหายไปในคืนต่อมา (ระเบิดเอง) ดังนั้นควรทดลองทันทีที่ทำเสร็จ และผสมแต่พอใช้ (อย่าลืม ผมไม่ได้เผยแพร่ให้เอาไปใช้ในงานสงครามหรือก่อวินาศกรรม ฉะนั้นระเบิดที่เอาขึ้น blog จะมีอายุสั้น ระเบิดง่าย ด้านง่าย อย่างใดอย่างหนึ่ง คนที่จะเอาไปก่อการจะทำได้ยากมาก (วิ่งๆอยู่ตูมใส่มือได้นะจ๊ะ) จึงควรทดลองว่ามันระเบิดได้จริงๆเพื่อเป็นการศึกษา แล้วพอเท่านั้น)
6. การผสมระเบิดต้องใช้ความรู้ทางเคมีสูง ผู้ที่จะศึกษาจริงจังควรเรียนสารเคมีในระดับมหาวิทยาลัยโดยตรง (ถึงผมจะเรียนอักษรก็ผสมได้ แลกกับความเสี่ยงที่ยินดีสละ)


วิธีทำ TNT ใน 15 ขั้นตอน!

1. ผสมกรดไนตริก 57% + ซัลฟิวริค 43% ลงในบิกเกอร์ แล้วผสมกรดซัลฟิวริค 76% + กรดไนตริก 23% + น้ำ 1% ลงในบิกเกอร์อีกอันหนึ่ง
2. เอาบิกเกอร์อีกอัน (ว่างๆ) วางไว้ในถาดน้ำแข็ง + น้ำ (ให้น้ำ+น้ำแข็งในอ่างสูงพอที่สามารถกดบิกเกอร์ให้จมลงไปในอ่างได้)
3. เทสารในบิกเกอร์ที่ 2 ลงไปในบิกเกอร์แช่น้ำแข็ง 10 กรัม
4. เททอลยูอีนลงไป 10 กรัม แล้วคนสารให้เข้ากันสัก 10 นาที
5. ยกบิกเกอร์ออกมาแล้วเอาไปให้ความร้อนจนถึง 50 องศาเซลเซียส คนให้สม่ำเสมอตลอดเวลาที่สารได้รับความร้อน อุณหภูมิต้อง 50 องศาพอดีเดี๊ยะ
6. เอาสารในบิกเกอร์ที่สองมา 50 กรัม แล้วเทใส่เข้าไปขณะที่สารในบิกเกอร์กำลังรับความร้อน ให้อุณหภูมิสูงขึ้นถึง 55 องศา แล้วจะมีน้ำมันก่อตัวขึ้นที่ผิวบนของสาร
7. คงอุณหภูมิไว้ที่ 55 องศาเป็นเวลา 12 นาที แล้วย้ายบิกเกอร์ไปลงอ่างน้ำแข็ง ให้อุณหภูมิลดลงถึง 45 องศา น้ำมันที่ผิวสารจะไปกองที่ก้นบิกเกอร์แล้วเราก็ดูดเอาสารออกให้หมด เหลือไว้แต่น้ำมันนั่นเท่านั้น
8. เอาสารในบิกเกอร์ที่สองของข้อแรกมาเพิ่มลงไปอีก 50 กรัม โดยเทลงไปบนน้ำมันที่เหลืออยู่ แล้วเอาไปให้ความร้อนที่ 83 องศา แล้วคงไว้ครึ่งชั่วโมง
9. เอาบิกเกอร์ออกมาใส่ถาดน้ำแข็งให้อุณหภูมิตกลงที่ 60 องศาแล้วคงไว้อีกครึ่งชั่วโมง คราวนี้จะมีน้ำมันเพิ่มขึ้นมากองที่ก้นบิกเกอร์ แล้วเราก็เดรนสารข้างบนออกเหมือนเดิม
10. คราวนี้เติมกรดซัลฟิวริคลงไป 30 กรัม แล้วเอาไปค่อยๆให้ความร้อน ย้ำว่าค่อยๆนะ ต้องทำให้สารมีอุณหภูมิ 80 องศา แต่ต้องค่อยๆเพิ่มอุณหภูมิอย่างช้าๆ
11. พอสารร้อนได้ที่ (80องศา) ให้เพิ่มสารจากบิกเกอร์แรกในข้อ 1 ลงไป 30 กรัม หลังจากนั้นเพิ่มอุณหภูมิเป็น 104 องศา! คงไว้อย่างนั้น 3 ชม.
12. หลังจากนั้นลดอุณหภูมิลงที่ 100 องศา แล้วคงไว้ 30 นาที
13. คราวนี้เราก็เดรนน้ำมันออกจากสารในบิกเกอร์ เอาลงไปล้างในน้ำอุ่น
14. คนน้ำที่เราเอาลงไปล้างอย่างสม่ำเสมอ สักพัก TNT ก็จะเริ่มแข็งตัวขึ้น
15. คราวนี้เทน้ำเย็นลงไปเลย TNT ที่แข็งตัวจะกลายเป็นสะเก็ดเม็ดๆ เอาไปเก็บ ใช้ ทำลายตามสบาย แต่ใช้อย่างระวัง!!!

*** อย่าลืม สัดส่วนต่างๆ ต้องผสมอย่างแม่นยำ % ต่างๆให้เป็น%ของ น้ำหนัก + ห้ามประมาณอุณหภูมิเอาเองเด็ดขาด ใครอ่อนเคมีห้ามลองทำ

ระเบิดพิฆาตคอมพ์ (รุ่นเก่า)

หลังจากไปฝึกในนรกมานานก็ได้กลับมาอีกครั้ง ตอนนี้เอาระเบิดกระจอกไปก่อนแล้วกัน ตอนนี้กำลังศึกษาเรื่องการก่อกวนและทำลายอยู่ แล้วยังต้องเรียนวิธีผลิตปืนอีกด้วย -*- มัเยอะจิงว้อย

วิธีทำระเบิดสำหรับพังคอมพิวเตอร์ ง่ายกว่าเขียนไวรัสชาร์จไฟเยอะเลย

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
1. ไม้ขีด 1 กล่อง
2. แผ่น A: 1.44 เม๊กฯ 3.5 นิ้ว
3. สีข้างกล่องไม้ขีด (ส่วนที่ใช้สีให้ไม้ขีดติดไฟ)
4. ตะไบเล็บ

วิธีทำ
1. ตะไบผงไม้ขีดออกจากตัวไม้
2. แก้ดิสก์ออกมา เก็บส่วนต่างๆไว้ให้ดี
3. ลอกแผ่นผ้าบางๆขาวๆออก
4. เอาแผ่นสีข้างของกล่องไม้ขีดไปแปะไว้บนแผ่นแม่เหล็ก (สีดำทั้งแผ่น ตรงไหนก็ได้)
5. เอาผงไม้ขีดไปโรยไว้ข้างๆ (ทับเลยก็ได้) แผ่นจุดไม้ขีด
6. เอาแผ่นเข้าไปประกอบกันให้เหมือนเดิม (ยากที่สุดในการทำระเบิดชนิดนี้เลยล่ะ -*-)
7. เอาไปให้เป้าหมายเปิดในคอมพ์

การทำงาน
เมื่อเป้าหมายทำอะไรสักอย่างให้ดิสก์เริ่มทำงาน เช่น เข้า my computer / โหลด a: / boot เครื่องจาก a: จากแม่เหล็กในดิสก์ก็จะหมุน ลากเอาแผ่นจุดไฟไปสีกับผงไม้ขีด แรงระเบิดแค่ไฟลุก 1 วินาที ความร้อนแค่พอลวกมือ แต่การที่ไประเบิดในช่อง A: จะทำให้แรงดันแรงขึ้นเยอะ พอที่จะเผา A: ได้ทันที และลามไปส่วนอื่นด้วย

วิธีเพิ่มคุณภาพ
เอางี้นะ เปลี่ยนหัวไม้ขีดเป็นไนโตรกรีเซอรีนละกัน พอร้อนๆเข้ามันก็ตูมเหมือนกัน แต่อย่ากระแทกแผ่นแรงล่ะ แหลกทั้งมือเลยนะ -*- ถ้าใช้ RDX ล่ะก็ ควรเพิ่มเข้าไปในชุดไม้ขีดด้วย เพื่อให้เมื่อไม้ขีดติดไฟ ไฟก็จะจุดระเบิดตัว RDX ต่อ ทำให้ระเบิด (อยากเห็นเครื่องคอมพฯกระโดดไหมล่ะ? ตอนทดสอบก็ใช้วิธีนี้แหละ เครื่องกระโดดดึ๋ง)

เอาไว้ดูเล่น เพื่อเกิดคิดสั้นขึ้นมาจะได้หาวิธีถูก

Credit: เว็บบิทแห่งหนึ่ง



ปล. ผมลองทำไปหลายอันละ



มันได้ผลจริงๆนะครับ

http://www.myfri3nd.com/board/view_topic.php?cate_id=2&post_id=3505